นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE)คาดว่า กำไรจะปรับดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มของราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยประเมินว่าราคาถ่านหินในช่วงครึ่งหลังจะอยู่ที่ 70 เหรียญ/ตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 60 เหรียญ/ตัน ประกอบกับ ส่วนต่างระหว่างราคาถ่านหินกับน้ำมันอยู่ที่ 30-40% ซึ่งก็จะทำให้บริษัทได้รับผลดี
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอและการที่บริษัทมีการนำเข้าถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูง(high heat) ที่เป็นถ่านหินใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาจจะทำให้มีต้นทุนสูงในช่วงแรก ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นทั้งปีจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 14% แต่ในอนาคตเมื่อปริมาณขายเพิ่มสูงขึ้นก็จะส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมในปีนี้ที่โต 10-20% เมื่อเทียบกับปีกอ่นที่มีรายได้รวม 2,350 ล้านบาท โดยรายได้ที่โตมาจากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการขยายตัวในการใช้พลังงานถ่านหินแทนพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถ่านหิน high heat จะเป็นสินค้าที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะหาซื้อถ่านหินบิทูมีนัสจากเวียดนาม จากปัจจุบันที่จะนำเข้าจากอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงราคาที่เหมาะสม
นายพนม กล่าวต่อว่า บริษัทได้มีการศึกษาในการทำถ่านหินอัดก้อนเพื่อให้ธุรกิจครบวงจร แต่การศึกษาดังกล่าวจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะเทคโนโลยีการอัดก้อนถ่านหินต้องมีความชื้นที่เหมาะสม รวมถึงการศึกษาโรงไฟฟ้า Biomass ด้วย ถ้าทำยังได้รับประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)ด้วย แต่จากการศึกษาทั้ง 2 ธุรกิจคงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ แต่มองว่าเป็นโอกาสในการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต