MINT คาดผลประกอบการ Q4/52 กลับมาเติบโต หากการเมืองมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2009 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT)ประเมินว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศช่วงไตรมาส 2 และ 3 ของทุกปีจะเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งกำไรจากธุรกิจโรงแรมของบริษัทในช่วงนี้โดยทั่วไปมีสัดส่วนต่ำกว่า 35% ซึ่งถ้าสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศกลับมามีเสถียรภาพในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานจะกลับมามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4

สำหรับไตรมาส 1/52 มีรายได้ 4,314 ล้านบาท ลดลง 1% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท ลดลง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี MINT สามารถรักษาระดับรายได้ไว้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากกำไรจากธุรกิจอาหารที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่สามารถชดเชยกำไรของธุรกิจโรงแรมที่ชะลอตัวลง

ในไตรมาสแรกของปีธุรกิจอาหารภายใต้การดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป (MFG) มีรายได้ 2,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สามารถบรรเทาผลกระทบรวมในธุรกิจโรงแรมในยามที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซา โดยในไตรมาสนี้มีการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total System Sale) 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีจำนวนสาขาเปิดใหม่สุทธิทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 139 สาขา เมื่อเทียบกับจำนวนสาขา ณ สิ้นไตรมาส 1 ปีก่อน จากการประสบความสำเร็จในการลงทุนในคอฟฟี่คลับ สัดส่วน 50% และลงทุนในไทยเอ็กซ์เพรส สัดส่วน 70% ในปีที่ผ่านมา

ในอนาคต MINT ยังคงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในการลงทุนในแบรนด์ธุรกิจอาหารที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงและมีศักยภาพในการขยายธุรกิจออกไปในตลาดภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงมิได้จากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกและความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ โรงแรมในเครือของบริษัทมีอัตราการเข้าพักที่ 58% ลดลง จากไตรมาส 1 ปีที่แล้วที่ 80% ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลง 28% มาอยู่ที่ระดับ 1,348 ล้านบาท จากเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิในเดือนธันวาคมปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังไตรมาส 1 ปีนี้ และในไตรมาส 2 เกิดเหตุการณ์ไม่สงบจากกลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและสันทนาการต่อเนื่องในไตรมาส 2

แม้ว่าภาวะธุรกิจโดยรวมในไตรมาส 1/52 จะไม่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย แต่ในด้านการเงิน MINT ได้รับการสนับสนุนเงินกู้ระยะยาว 4 พันล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี จากสองธนาคารชั้นนำในประเทศ ในไตรมาส 2 ปี 2552 เนื่องด้วยฐานการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งกอปรกับฐานะการเงินที่มั่นคงโดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงศรีอยุธยาเข้าใจในธุรกิจของบริษัทและให้การสนับสนุนแก่บริษัทเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/52 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งจะสามารถขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจของ MINT และบมจ.ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น(MINOR)นอกเหนือจากการขจัดปัญหาโครงสร้างการถือหุ้นไขว้ภายในกลุ่ม

และแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าว บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 โดยมีขั้นตอนการดำเนินการ กล่าวคือ MINT จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ MINOR โดยการแลกหุ้นสามัญในอัตราส่วน 1 หุ้นของ MINOR ต่อ 1.14 หุ้นของ MINT โดยมีระยะเวลาในการแลกหุ้นรวมทั้งสิ้น 25 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2552 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2552


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ