ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ เศรษฐกิจอังกฤษอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากบริษัทแลนด์ ซิเคียวริตีส์ ที่รายงานตัวเลขขาดทุนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 94.17 จุด แตะที่ 4,331.37 จุดหลังจาก เคลื่อนตัวในช่วง 4,328.17-4,447.96 จุด
ฟิลิป จิลเล็ต นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงทันที หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของรัฐบาล แม้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารเพิ่งตัดสินใจเดินหน้าโครงการผลิตธนบัตรเพิ่มก็ตาม
ผู้ว่าแบงก์ชาติอังกฤษยังกล่าวด้วยว่า ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของอังกฤษต้องอาศัยเวลาในการเยียวยารักษา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษจึงมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อยาวนานออกไป นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะหดตัวตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2553 ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงถึงระดับต่ำสุด 0.4% ในปีนี้ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 2.9% ลดลงจากระดับสูงสุดมากกว่า 5% ในปีที่แล้ว
หุ้นแลนด์ ซิเคียวริตีส์ปิดร่วง 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสูงถึง 5.19 พันล้านปอนด์ หรือ 7.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่หุ้นคาซัคมิส ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของคาซัคสถาน ปิดร่วง 11% และหุ้นอันโตฟากัสต้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของชิลี ปิดลบ 7.2% เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก
ส่วนหุ้นยูนิลิเวอร์ปิดร่วง 2.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของโนมูระ โฮลดิ้งส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นยูนิลิเวอร์ลงสู่ระดับ “buy" จากระดับ “neutral"