โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"BANPU คาดกำไรปี 52 เติบโตดี หลัง Q1/52 พุ่งเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2009 13:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บ้านปู(BANPU)หลังบริษัทประกาศผลกำไรในไตรมาส 1/52 ดีกว่าที่โบรกเกอร์คาดไว้และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลดีต่อกำไรทั้งปี 52 ที่ยังคาดว่าเติบโต แม้ว่ากำไรในไตรมาส 2/52 รวมถึงครึ่งปีหลังอาจจะชะลอตัวง แต่เฉลี่ยราคาขายถ่านหินทั้งปียังอยู่ในเกณฑ์ดีหรือเท่ากับปีก่อนที่เฉลี่ย 72 เหรียญ/ตัน จากฝีมือการบริหารของบริษัททั้งการขายส่วงหน้าได้กว่า 70% และทำ swap ช่วยทำกำไรมาเสริมราคาถ่านหินที่ปัจจุบันถดถอยลงไป และล่าสุดได้เซ็นซื้อขายไฟฟ้าโครงการหงสาลิกไนต์แล้ว เพิ่มปัจจัยบวกเข้าไปอีก

แต่ยังแนะให้ระวังการเข้าลงทุน เพราะช่วงนี้ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวขึ้นแรง โบรกฯ บางรายแนะให้รอราคาอ่อนตัวก่อน หรือเข้าเก็งกำไร

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เคจีไอ          ซื้อ                380
          สถาบันนครหลวงไทย   ซื้อ                375
          บล.กิมเอ็ง          ซื้อเก็งกำไร         351
          บล.ไซรัส           เทรดดิ้ง            342
          บล.ทรีนิตี้           ซื้อ                340
          บล.ธนชาต          ซื้อ                340

นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า จากที่โครงการหงสาลิกไนต์ที่ BANPU ถือหุ้นในสัดส่วน 40% ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจการซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เมื่อวานนี้ เป็นปัจจัยบวกส่งผลดีต่อรายได้ในอนาคต แต่กว่าโครงการจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้เป็นปี 58 หรืออีก 6 ปี

"เราให้ซื้อเก็งกำไร เพราะราคาหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว และราคาขายในครึ่งปีหลังจะไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นกำไรในครึ่งปีหลังก็ไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนครึ่งปีแรกเขาล็อกราคาไว้แล้วถึงได้ราคาสูง"นายกิตติชาญ กล่าว

ในไตรมาส 1/52 BANPU ขายถ่านหินได้ในราคาประมาณ 84 เหรียญ/ตัน และไตรมาส 2/52 จะขายได้ในราคา ประมาณ 70 กว่าเหรียญ/ตัน ส่วนราคาครึ่งปีหลังเป็นราคาตลาดของต้นปีนี้ ซึ่งอยู่ประมาณ 50-60 เหรียญ/ตัน โดยส่วนใหญ่ล็อกราคากันล่วงหน้า 6 เดือน ส่วนทั้งปี 52 คาดว่า BANPU จะขายถ่านหินได้ที่เฉลี่ย 72 เหรียญ/ตันเท่ากับปีก่อน

นอกจากนี้ บริษัทยังทำสัญญาขายล่วงหน้าไว้(swap)ไว้ที่ประมาณ 93 เหรียญ/ตัน ขณะที่ราคาสปอต อยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญ/ตัน ทำให้ส่วนหนึ่งที่บริษัททำกำไรได้

ด้านนางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลป์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า กำไรจากไตรมาส 1/52 ทำได้สูงสุดในปีนี้ มาจากธุรกิจถ่านหิน 3,600 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งได้กำไรจาก swap ประมาณ 800 ล้านบาท และจากธุรกิจไฟฟ้า 1,100 ล้านบาท

"มองเป็นฝีมือล้วน ๆ ดีกว่าที่คาดไว้ตั้งเยอะ มีกำไรจาก swap ที่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน ก็ถือว่าเก่ง"นางวชิราลักษณ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี กำไรในไตรมาส 2/52 และในครึ่งปีหลังจะอ่อนตัวลงจากไตรมาส 1/52 โดยคาดว่าจากนี้ไปจะมีกำไรไตรมาสละ 1,900-2,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายถ่านหินในไตรมาส 1/52 ทำได้ที่ 84 เหรียญ/ตัน แต่ในไตรมาส 2/52 ลดลงมาประมาณ 10 เหรียญ/ตัน หรือ 72-74 เหรียญ/ตัน ขณะที่ไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 คาดว่าจะขายถ่านหินได้ในราคาประมาณ 60 เหรียญ/ตัน

ส่วนทั้งปี 52 คาดว่าบริษัทจะขายถ่านหินได้ประมาณ 69.70 เหรียญ/ตัน ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ขายได้ 72 เหรียญ/ตัน ขณะที่เมื่อเทียบราคาสปอตอยู่ที่ 63 เหรียญ/ตัน จึงคาดว่ากำไรทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 9,900 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มี 9,200 ล้านบาท แต่ในปี 53 กำไรคาดว่าจะลดลงมาที่ประมาณ 8,400-8,500 ล้านบาท ตามทิศทางราคาขายถ่านหินที่ปรับตัวลดลง

"ตอนนี้ยังลงทุนได้อยู่สำหรับหุ้น BANPU และปรับราคามาเป็น 340 บาท ดูจาก P/E 10 เท่า ของเดิม 290 บาท แต่ราคาหุ้นขึ้นเร็วมาก"นางวชิราลักษณ์ กล่าว

บทวิเคราะห์ของสถาบันนครหลวงไทย(SCRI)ระบุว่า กำไร BANPU ในไตรมาส 1/52 สูงสุดเป็นประวัติการณ์และดีกว่าคาดการณ์ โดยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/52 ที่ 4,798 ล้านบาท เพิ่ม 131%yoy และ 175%qoq โดยดีกว่าที่ SCRI คาดการณ์ไว้ 22% ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมที่สูงกว่าคาดทั้ง BLCP ที่เดินเครื่องโรงไฟฟ้า(Dispatch)สูงถึง 94% ในไตรมาส 1/52 และจากธุรกิจถ่านหินในจีน

ฉะนั้นจึง ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 52 ขึ้น 10.5% เป็น 10,994 ล้านบาท เติบโต 19% จากปีก่อน จากกำไรในไตรมาส 1/52ที่สูงถึง 48% ของประมาณการกำไรทั้งปี 52 เดิม ทำให้ SCRI ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจถ่านหินโดยเฉพาะในส่วนของถ่านหินจากจีนที่มีผลประกอบการดีกว่าคาดในไตรมาส 1/52

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสต่อๆไปแนวโน้มกำไรจากธุรกิจถ่านหินคาดจะเริ่มอ่อนตัวจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง(แต่มีปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยพยุงได้บางส่วน) ขณะที่ BLCP คาดในไตรมาส 1/52 จะเป็น Peak เช่นกัน มองในเชิง earning momentum คาดจะเห็นการอ่อนตัว qoq ในช่วงที่เหลือของปี(แต่คาดยังเติบโต yoy ได้ใน Q2/52)

แต่ในเชิงภาพรวมของอุตสาหกรรมคาดปัจจัยที่จะเข้ามาสนับสนุนราคาหุ้นในช่วงครึ่งหลังปี 52 มาจากทิศทางราคาถ่านหินที่ SCRI คาดใกล้จะ Bottom Out โดยมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจีนและราคาน้ำมันที่คาด Bottom out ไปแล้วเป็นปัจจัยสนับสนุน ทั้งนี้ จะมีผลต่อทิศทางผลประกอบการในปี 53 มากกว่าปี 52 เนื่องจากทำสัญญาล่วงหน้ากำหนดราคาไปแล้วสูงถึง 76%

ส่วนบล.เคจีไอ คาดว่าราคาขายถ่านหินในไตรมาส 2/52 จะยังอยู่ในระดับสูง จากอานิสงส์ของการทำสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้า ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 76% ของปริมาณขายทั้งหมดที่ 20.5 ล้านตัน ในราคาเฉลี่ยประมาณ 75 เหรียญ/ตัน อย่างไรก็ดี คาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/52 จะมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบทางฤดูกาลที่เป็นช่วงฤดูฝนที่อาจทำให้การผลิตในเหมือง Jorong ลดลง

ประกอบกับ การขนส่งที่ล่าช้าในช่วงทำการขยายท่าเรือ Bontang (คาดแล้วเสร็จ ต.ค. 52) รวมถึงธุรกิจถ่านหินในจีนที่อาจต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นหากมีการลงทุนขยายเส้นทางการขนส่งเพิ่มเติม และผลประกอบการของธุรกิจโรงไฟฟ้า BLCP ที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามปกติของสัญญาขายไฟฟ้าในระยะยาว อีกทั้งไม่มีการรับรู้เงินปันผลรับจาก RATCH

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการในไตรมาส 1/52 ที่ออกมาดีและถือว่าไตรมาสที่ดีที่สุด จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 52 เป็นไปตามที่บล.เคจีไอ คาดไว้ที่ 11,246 ล้านบาท (+22% YoY)


แท็ก (BANPU)   บ้านปู  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ