(เพิ่มเติม) MINT ลดเป้ารายได้-กำไรปี 52 หลังวิตกผลกระทบไข้หวัดใหญ่-การเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2009 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT)ปรับลดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้และกำไรในปี 52 ลงจากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 15-20% และกำไรสูงกว่าปีก่อน หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งคาดว่าจะทำให้การเดินทางของคนทั่วโลกลดลง ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่มีต่อการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/52 จะเห็นผลกระทบต่อสถานการณ์ต่าง ๆ

นางปรารถนา มงคลกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน MINT กล่าวว่า ผลกระทบไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ และปัญหาการเมืองช่วงสงกรานต์อาจจะทำให้กำไรในไตรมาส 2 /52 อาจจะปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ถึงแม้ธุรกิจอาหารยังมีอัตราการเติบโตที่ดีมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น แต่เชื่อว่าทั้งปี 52 ยังคงปรับตัวลดลงทั้งรายได้และกำไร แม้จะหวังว่าในไตรมาส 4/52 สถานการณ์จะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น

จากผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอาจจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(Net Profit Margins) ปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 10% จาก 12% ในปีก่อน เพราะบริษัทได้ทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการเข้าพักของโรงแรม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับลดราคาห้องพักลงมาบ้าง

ส่วนเม็ดเงินลงทุนปีนี้ก็จะปรับลดลงเหลือประมาณ 4.1 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 4.7 พันล้านบาท เนื่องจากมองโอกาสในการลงทุนลดลง จากก่อนหน้านี้ได้มองโครงการที่น่าสนใจไว้หลายโครงการ แต่ขณะนี้ปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้ออำนวย

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากอาหาร 50-55% โรงแรม 30-38% และที่เหลือมาจาก Residential และอื่นๆ โดยในส่วนของอาหาร บริษัทมีแผนจะขยายสาขาของแบรนด์ที่มีอยู่เพิ่มอีก 258 แห่งใน 1-2 ปี จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,063 แห่ง ส่วนธุรกิจโรงแรมมีแผนจะรับบริหารโรงแรม 12 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะทยอยเซ็นสัญญาในปีนี้และคาดว่าจะรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า

ส่วนการเข้าบริหารโรงแรมที่ตะวันออกกลางคงจะชะลอออกไปก่อน เนื่องจากความไม่พร้อมของผู้รับเหมา

นางปรารถนา กล่าวต่อว่า บริษัทยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมในระยะนี้ แม้ว่าบริษัทจะมีวงเงินจากผู้ถือหุ้นที่อนุมัติแล้ว 1 หมื่นล้านบาท และออกไปแล้ว 1 พันล้านบาท โดยวงเงินส่วนที่เหลือคงจะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส แต่หากจะออกหุ้นกู้ก็คงเพื่อจุดประสงค์นำมาเพื่อลดหนี้ นอกจากนั้น บริษัทยังมีวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รวมอีก 4 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ