นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในพื้นที่ภาคใต้ ตลอดจนพลังงานแสงอาทิตย์ ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถสรุปความเป็นไปได้ภายในปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2552 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,239 ล้านบาท ลดลง 578 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.25 บาท ทั้งนี้ หากไม่คำนึงถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เอ็กโก กรุ๊ป จะมีกำไรจำนวน 2,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงที่ 2 ที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2551 อีกทั้งรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าเคซอน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าการลดลงของรายได้ค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนอม
จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานปัจจุบันของเอ็กโก กรุ๊ป โดยในไตรมาสแรก เอ็กโก บีวีไอ ในเครือเอ็กโก ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นของบริษัท จีพีไอ เคซอน ได้ครบ 100% ซึ่งส่งผลให้เอ็กโก บีวีไอ เป็นผู้ถือหุ้นโดยอ้อมในบริษัท เคซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินเคซอนขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 502.5 เมกะวัตต์ รวมทั้งธุรกิจสายส่งและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ในสัดส่วนร้อยละ 26 หรือคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้ง 130.7 เมกะวัตต์
ขณะที่ความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ใน สปป. ลาว ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 97 ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามกำหนดในเดือนธันวาคมปีนี้