THAI เตรียมกู้ 6 หมื่นลบ.ในปีนี้, ตั้งเป้าปี 54 กำไรแตะ 1 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2009 14:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.การบินไทย(THAI)เผยเตรียมแผนระยะสั้นช่วง 3 ปี(ปี 52-54)เพื่อความอยู่รอดและการเติบโตอย่างมั่นคง โดยปีนี้บริษัทจะกู้เงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปชำระค่าเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 4 ลำ จ่ายคืนหนี้ระยะสั้น และไว้สำหรับเสริมสภาพคล่องภายในบริษัท

ขณะที่ตั้งเป้ารายได้บริษัทในช่วง 3 ปีนี้ เติบโตปีละ 3-8% โดยรักษาระดับอัตราบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)ไว้ที่ 76%ตลอด 3 ปีนี้ และกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม (EBITDA)จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4 หมื่นล้านบาทในปี 54 จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้อย่างน้อย 3 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิมาถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาท โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการอย่างเข้มงวด

นายวัลลภ พุกกะณะสุต ประธานกรรมการบริหาร THAI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แผนเบื้องต้นบริษัทจะกู้เงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ภายในเดือนก.ค.52 เพื่อนำชำระคืนหนี้ระยะสั้นและเสริมสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งแผนนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการชุดใหม่ รมว.คลัง และ รมว.คมนาคม โดยจะนำแผนดังกล่าวเสนอครม.เศรษฐกิจเพื่อรับทราบในเร็วๆนี้

"ภายใน 2-3 เดือน หรือภายในเดือนก.ค. เราจะกู้เงินก้อนแรกก่อน 2 หมื่นล้านบาท ...คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ในปีนี้เราจะกู้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกู้จากต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่า" นายวัลลภกล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีกระแสเงินสด(cashflow)ประมาณ 7 พันล้านบาท/เดือน ซึ่งต่ำกว่าปกติที่จะต้องมีกระแสเงินสดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท/เดือน

สำหรับเงินชำระค่าเครื่องบิน A330-300 จำนวน 4 ลำ ที่จะรับมอบในครึ่งปีหลัง จากที่รับมอบไปแล้ว 2 ลำในปีนี้ บริษัทเจรจากับ European Credit Garantee Department ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหภาพยุโรป โดยการบินไทยจะให้องค์กรดังกล่าวช่วยค้ำประกันเงินกู้ที่จะชำระค่าเครื่องบิน ซึ่งยังต้องจ่าย 85% ราคาเครื่องบิน รวมประมาณ กว่า 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอีก 2 ลำที่เหลือจะรับมอบในปีหน้า ก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาด้านการเงินแล้ว

นายวัลลภ กล่าวว่า แผนระยะสั้นตั้งเป้าอัตราเติบโตของรายได้ปีละ 3-8% โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.5-1.7 แสนล้านบาท และ EBITDA อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท หรือกรณีที่ดีที่สุดคาดว่าจะได้ 3.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งตามแผนในปี 54 คาดว่า EBITDA จะเพิ่มมาเป็นประมาณ 4-4.2 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้ารักษา Cabin Factor ที่ 76% ตลอด 3 ปีนี้

"จากผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าปีนี้เราจะทำกำไร 7-8 พันล้านบาท และมี EBITDA ได้ 3 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 4 น่าจะเติบโตได้ดี" นายวัลลภ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ