BSBMหยุดผลิตชั่วคราวตั้งแต่พ.ค.เหตุดีมานด์ในปท.ลด-ไม่สั่งวัตถุดิบเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 14, 2009 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM)ประกาศหยุดการผลิตชั่วคราวตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ เนื่องจากความต้องการของตลาดเหล็กเส้นในประเทศตกต่ำ และไม่มีการนำเข้าวัตถุดิบเข้ามาเพิ่ม ซึ่งมีผลให้ปริมาณขายในไตรมาส 2/52 โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.-พ.ค.น้อยลงกว่าไตรมาส 1/52 แต่ด้านเม็ดเงินรายได้ยังต้องรอดูผลในด้านราคา

"ส่วนจะนานหรือไม่ก็แล้วแต่ ถ้าวัตถุดิบเข้าก็ต้องผลิต แต่ช่วงนี้เราไม่ได้สั่ง เพราะเราไม่แน่ใจเรื่องดีมานด์ในประเทศด้วย และราคามีโอกาสทั้งขึ้นและลง ยังดูไม่ออก แต่จากที่เราไม่มีวัตถุดิบเราก็ไม่จำเป็นต้องผลิต"นายวีระวิทย์ ดุละลัมพะ รองกรรมการผู้จัดการ BSBM กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ผู้บริหาร BSBM เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/52 บริษัทมีรายได้จากการขาย 600 กว่าล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2/52 ยังต้องรอประเมินรายได้จากการขายที่ขึ้นกับปริมาณคูณด้วยราคา ซึ่งบริษัทไม่ได้เป็นห่วงในด้านยอดขายมากนัก แต่สิ่งทีให้ความสำคัญคือบริษัทจะเน้นรักษากำไร ไม่ให้ตัวเลขออกมาติดลบ พร้อมกับดูแลเรื่องกระแสเงินสด(cashflow)ไม่ให้มีปัญหา โดยในขณะนี้ก็มองว่าบริษัทผ่านไปได้ดีแน่นอน

"ยอดขายเราไม่ได้สนใจอยู่แล้วภาวะแบบนี้ผมว่ายอดขายไม่น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าตลาดมีดีมานด์มากมาย มีการ growth มีอัตราการเจริญเติบโต ถึงเวลานั้นค่อยมาแข่งยอดขายกันดีกว่า ช่วงนี้เรื่องยอดขายไม่น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง" นายวีระวิทย์ กล่าว

อนึ่ง BSBM ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/52 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 32 ล้านบาท ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่ขาดทุนถึง 213 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่ากำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ในระดับ 239 ล้านบาท

นายวีระวิทย์ กล่าวว่า ทิศทางครึ่งปีหลังภาพยังไม่ชัดเจนว่าความต้องการเหล็กเส้นในประเทศจะดีขึ้นหรือไม่ เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมเหล็กไม่ได้มีปัญหาในด้านอุปทาน(ซัพพลาย) แต่ในด้านอุปสงค์(ดีมานด์)มีปัญหา เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจมากกว่า ดังนั้น แนวโน้มการฟื้นตัวก็จะไปเป็นตามการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ โดยจากการประเมินของภาครัฐและต่างประเทศก็เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกน่าจะฟื้นในไตรมาส 4/52 เป็นอย่างเร็ว ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อบริษัทเพราะเป็นช่วง high season

"ที่เราหวังไตรมาส 4 เพราะเป็น season เป็นฤดูกาลก่อสร้าง เพราะเป็นช่วงแล้งเราก็หวังว่าจะเกิดไตรมาส 4 หรืออย่างช้าก็ไตรมาส 1 ปีหน้าเพราะไตรมาส 4 หรือไตรมาส 1 ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้งจะเป็น high season ของการค้าเหล็กและการก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กเส้น"นายวีระวิทย์ กล่าว

ขณะที่แนวโน้มยอดขายทั้งปี 52 คงต้องดูที่ดีมานด์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ซึ่งจะสัมพันธ์กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจว่าจะเป็นไปตามคาดการณ์หรือไม่ จะต้องขึ้นกับมาตรการและผลจากมาตรการ

นายวีระวิทย์ กล่าวว่า ในแง่ราคาเหล็กคงขึ้นอยู่กับราคาต่างประเทศเป็นหลัก เพราะตลาดประเทศไทยเทียบกับทั่วโลกมีขนาดเล็กนิดเดียว และไทยยังต้องนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตเหล็ก ซึ่งขณะนี้ถือว่าราคาเหล็กค่อนข้างนิ่งและมีเสถียรภาพมากแล้ว ไม่ได้ผันผวนมากเหมือนช่วงปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาคือความต้องการของตลาดมากกว่า

ปัจจุบันบริษัทมีสต็อกเหล็กเส้นที่ 20,000 ตันไม่เปลี่ยนแปลงจาก ณ สิ้นไตรมาส 1 ซึ่งมีต้นทุนเดิม เพราะบริษัทไม่ได้สั่งซื้อวัตถุดิบเพิ่มเข้ามาเลยในช่วงไตรมาส 2/52 โดยต้นทุนมีทั้งที่ราคาสูงและต่ำกว่าราคาเหล็กในปัจจุบัน แต่โดยเฉลี่ยราคาน่าจะใกล้เคียงกับราคาเหล็กในขณะนี้ โดยบริษัทยืนยันนโยบายที่จะไม่ขายขาดทุน

"ก็ต้องดูว่าแต่ละออร์เดอร์มา ถ้าถูกไปก็ไม่อยากขาย จะเลือกขายในราคาที่เราไม่ขาดทุน ราคาเหล็กเส้นตอนนี้อยู่ประมาณ 17.50 บาท/ก.ก. ราคาขึ้นๆ ลงๆ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 ประมาณ 0.50-1.00 บาท"นายวีระวิทย์ กล่าว

สำหรับกรณีที่แนวโน้มการลงทุนในทางการจีนกระตุ้นอุตสาหกรรมเหล็ก นายวีระวิทย์ กล่าวว่า ผลทางด้านปริมาณต่อเรามีไม่มาก เนื่องจากของเราไม่มีการส่งออกไปจีน แต่ผลจะส่งผ่านมาในด้านราคาที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก เพราะการเปลี่ยนแปลงของจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตและบริโภคเหล็กรายใหญ่ของโลกผลต่อราคาเหล็กโลกเช่นกัน

ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กที่ผันผวน บางวันขึ้น-ลงแรงนั้น เป็นเรื่องยากที่จะให้คำตอบได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ