นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/52 บริษัทฯ มีผลประกอบการสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลกำไรสุทธิเติบโตกว่า 78% มีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 50% ทั้งยังมีสภาพคล่องสูงกว่าภาระหนี้ที่มีอยู่
ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา และจากข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในทุกด้านที่เกิดจากการดำเนินงานของบริษัท (Inside Information) ทำให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้เตรียมแผนเปิดตัวอีก 3 โครงการในช่วงไตรมาส 2 และ 3 มูลค่า 7.75 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ลงทุนซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง มูลค่า 730 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ไว้แล้วในย่านรามอินทรา-นวมินทร์ ราษฎร์บูรณะ-สุขสวัสดิ์ และปิ่นเกล้า คาดว่าจะประสบความสำเร็จอย่างดี
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการด้านการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการที่แล้วเสร็จ ทำให้การรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายจาก 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ รามอินทรา-หลักสี่ และ ลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร และอีก 7 โครงการต่อเนื่องจากปี 2551
และในอีก 9 เดือนที่เหลือของปี 52 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ส่วนที่เหลืออีก 75% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท จาก 4 โครงการได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รัตนาธิเบศร์, ลุมพินี สวีท ปิ่นเกล้า, ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26, ลุมพินี พระราม 8 และโครงการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ ยังเกิดจากการบริหารสินค้าคงเหลือเพื่อให้กลับมาเป็นรายได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าคงเหลือประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งลดระดับลงจากปี 2551 ที่ผ่านมาที่มีประมาณ 1,300 ล้านบาท
ในด้านกำไรขั้นต้น บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายได้มากกว่า 30% แม้ว่าจะมีแรงกดดันด้านต้นทุนทั้งในด้านราคาน้ำมันและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในช่วงกลางปีที่ผ่านมา