ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 46.43 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจยังไม่ฟื้นตัวในระยะใกล้นี้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 46.43 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 8,331.32 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.15 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 893.07 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 25.02 จุด หรือ 1.50% แตะที่ 1,689.21 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.52 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,172 ต่อ 847 ตัว ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.22 พันล้านหุ้น

สจ๊วต ชวิทเซอร์ นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างคึกคักหลังจากบริษัท ซีเอ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่เปิดเผยตัวเลขกำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นผลมาจากการลดต้นทุน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร

อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 9 พ.ค.พุ่งขึ้น 32,000 ราย แตะระดับ 637,000 ราย จากรอบสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 605,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 610,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเมื่อไม่นานมากนี้โรงงานประกอบรถยนต์ของบริษัท ไครสเลอร์ แอลแอลซี ต้องปิดตัวลงอย่างน้อย 30 วันในขณะที่ทางบริษัทดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กร

ตัวเลขว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ประกอบกับการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในด้านลบของผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐศาสตร์ได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลครั้งใหม่ โดยเมื่อวานนี้ พอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2551 กล่าวในที่ประชุมที่กรุงไทเปว่า เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญภาวะชะงักงันยาวนานถึง 10 ปีเหมือนกับที่ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะ "lost decade" ในช่วงทศวรรษที่ 1990

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทั่วไปเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 0.3% หลังจากดิ่งลง 1.2% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนี PPI ทั่วไปอาจเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนเม.ย. และดัชนี PPI พื้นฐานอาจเพิ่มขึ้น 0.1%

แม็กซ์เวลล์ คล้าก นักวิเคราะห์จาก 4Cast.com ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ดัชนี PPI ที่พุ่งขึ้นเกินคาดเป็นเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นหลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเม็ดเงินหลายล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินอาจทำให้กระแสความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อกลับมาอีกครั้ง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นตามหุ้นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์และเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยหุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ได้รับแรงหนุน หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ปรับขึ้นอันดับความน่าลงทุนและราคาเป้าหมายของหุ้นบริษัท โนเวลลัส ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ให้แก่อุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์

หุ้นวอล-มาร์ทปิดร่วง 93 เซนต์แม้บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดบวก 4% หลังจากนายอลัน มูลลัลลี ซีอีโอของฟอร์ดยืนยันว่าทางบริษัทยังคงดำเนินการลดต้นทุนและกระตุ้นยอดขายรถยนต์ประหยัดพลังงาน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ