นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฎิบัติการ บมจ.ระบบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTS) เปิดเผยว่า บริษัทจะออกหุ้นกู้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทภายในไตรมาส 2/52 เพื่อนำไปรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีอยู่จำนวน 1 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นคาดว่าจะสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณปลายปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าภาวะตลาดจะเอื้ออำนวย
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS กล่าวว่า บริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 15% ของทุนจดทะเบียนเสนอขายกับประชาชนทั่วไป(IPO)โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 1.06 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะระดมทุนเพื่อนำไปลงทุนรถไฟฟ้าเพื่อการเดินรถส่วนต่อขยายเป็นหลัก
"เรามีความหวังว่า ในไตรมาส 4 นี้น่าจะเข้าตลาดได้ ตอนนั้นตลาดโลกคงดีขึ้น ตลาดหุ้นคงไม่ตกทั้งปีหรอก" นายคีรี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมที่จะเข้าบริหารเดินรถไฟฟ้าในต่างประเทศ 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากันอยู่
นายคีรี กล่าวว่า จากการเปิดเดินรถไฟฟ้า BTS อีก 2 สถานี คือ กรุงธน-วงเวียนใหญ่ ต่อจากสถานีสะพานตากสิน ระยะทาง 2.2 กม.คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นเที่ยว/วัน จากปัจจุบันที่มีผู้โดยสาร 4.5-4.7 แสนเที่ยว/วัน โดยบางวันขึ้นไปสูงสุดที่ 5.7 แสนเที่ยว/วัน คาดว่าปี 52 บริษัทมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มไม่ต่ำกว่า 5% ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโต 3-4% จากปีก่อน
"ในวันนี้มีความหมายกับ BTS ที่ได้เดินรถอีก 2.2 กม. และได้รับความมั่นใจจากประชาชนหลักหมื่น เราหวังว่าจะได้เดินรถในส่วนต่อขยายอื่นด้วย"นายคีรี กล่าว
หลังจากนี้ นายคีรี กล่าวว่า จะเจรจากับทางกรุงเทพมหานครในการเดินรถส่วนต่อขยาย อ่อนนุช-แบริ่ง ,หมอชิต-สะพานใหม่ และ วงเวียนใหญ่-เพชรเกษม ซึ่งคาดว่าจะใช้หลักการเดียวกับการเดินรถช่วง 2 สถานีสะพานตากสิน คือ กรุงเทพมหานครจะใช้วิธีจ้าง ไม่ใช่การให้สัมปทาน
สำหรับช่วงต่อขยายสะพานตากสิน กรุงเทพมหานครจ้างในระยะเวลา 28 เดือนเป็นจำนวนเงินประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งยังเก็บค่าโดยสารในกรอบเดิมคือ 15-40 บาท/เที่ยว แต่ในอนาคตหากบริษัทเดินรถเพิ่มมากกว่า 10 กม.ก็อาจจะขอปรับขึ้นค่าโดยสาร
ส่วนรถไฟฟ้าที่บริษัทลงทุนเพิ่ม 12 ขบวนจากจีน จะเริ่มทยอยเข้ามาในเดือนต.ค.52
นายคีรี กล่าวว่า BTS จะเดินรถสายสีเขียวเป็นหลัก ซึ่งเห็นว่าการที่กรุงุทพมหานครเจรจาให้บริษัทเดินรถก็จะทำได้เร็วกว่าการเปิดประมูล โดยคาดว่าไม่เกิน 2 ปีก็จะเดินรถส่วนขยายสายสีเขียวได้ อย่างไรก็ดี หากรถไฟฟ้าสายอื่นเปิดประมูลเดินรถ ก็ขอดูเงื่อนไขการประมูล(ทีโออาร์) ก่อนตัดสินใจ
ด้านการดำเนินการตั๋วร่วม ซึ่งได้ตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท สมาร์ทการ์ด โดยเบื้องต้น BTS ถือหุ้น 100% และ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL) จะเข้าร่วมทุน โดย BTS เข้าถือหุ้นใหญ่ และคาดว่าจะใช้ตั๋วร่วมได้ในต้นปี 53
ทั้งนี้ ผลประกอบการของ BTS งวดปี 51 (สิ้นสุด 31 มี.ค.52) มีรายได้จากการขายตั๋ว 3.3 พันล้านบาท EBITDA 1.2 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการฟื้นฟูกิจการ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามแผนงานบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 4.2 แสนเที่ยว/วัน หรือเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ย 3.72 แสนเที่ยว/วัน โดยวันธรรมดา จะมีผู้โดยสาร 4.3 แสนเที่ยว/วัน ส่วนรายได้ ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 5-6% จากปีก่อน และ EBITDA 2 พันล้านบาท