ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นประกัน ถ่วงดาวโจนส์ปิดลบ 62.68 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 16, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มประกัน หลังจากมีรายงานว่าบริษัทประกันยักษ์ใหญ่หลายแห่งยื่นขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัดหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ทรงตัวในเดือนเม.ย. และกิจกรรมด้านการผลิตที่ปรับตัวลงน้อยกว่าคาด

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 62.68 จุด หรือ 0.8% แตะที่ 8,268.64 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.19 จุด หรือ 1.1% แตะที่ 882.88 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 9.07 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 1,680.14 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มประกันหลังจากมีรายงานว่าบริษัท พรูเดนเชียล ไฟแนนเชียล และบริษัท ฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป เป็น 2 ใน 6 บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ที่ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ โดยฮาร์ทฟอร์ดได้รับอนุมัติเงินมุลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์จากโครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) ขณะที่พรูเดนเชียล, ออลสเตท คอร์ป, พรินซิเพิล ไฟแนนเชียล คอร์ป และอเมริไพรซ์ ไฟแนนเชียล ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการดังกล่าวเช่นกัน

โรเบิร์ต ไฮเนส นักวิเคราะห์จาก CreditSights Inc กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ในสหรัฐแห่กันขอความช่วยเหลือจากโครงการ TARP ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจประกันส่งผลให้บริษัทประกันหลายแห่งถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและราคาหุ้นบริษัทประกันร่วงลงทั่วทั้งกระดาน เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

นักลงทุนวิตกกังลกับตัวเลขว่างงานในสหรัฐ เนื่องจากตัวเลขว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 32,000 ราย แตะระดับ 637,000 ราย จากระดับ 605,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 610,000 ราย และกังวลกับข่าวที่ว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐ และ FBI กำลังตรวจสอบเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย 2 คนของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ที่ใช้ข้อมูลวงในเพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตาม แรงขายในตลาดลดน้อยลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ทรงตัวในเดือนเม.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังจากดัชนีร่วงลง 0.1% ในเดือนมี.ค. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 9 เดือน

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มประกันร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 15 เซนต์ ปิดที่ 14.60 ดอลลาร์ และหุ้นลินคอล์น เนชันแนล ปิดลบ 12 เซนต์ แตะที่ 16.12 ดอลลาร์

ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ปิดลบ 5.2% และหุ้นเฟิร์สเอนเนอร์จี ปิดลบ 9.6%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ