ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนัก และจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นในระยะใกล้นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 14.47 จุด หรือ 0.3% แตะที่ 4,348.11 จุด
แลร์รี แฮทธาเวย์ นักวิเคราะห์จาก Kenneth Liew กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และมีความเป็นไปได้สูงที่อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของรัฐบาล โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะหดตัวตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ก่อนที่จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2553
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปในกรุงลักเซมเบิร์ก เปิดเผยว่า จีดีพีของกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวลง 2.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ จากที่หดตัวเพียง 1.6% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูลจีดีพีของกลุ่มยูโรโซนในปี 2538 และหดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะหดตัวเพียง 2%
หุ้นกลุ่มพลังงานถูกเทขายอย่างหนักหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลงเมื่อคืนนี้ หลังจากมีรายงานว่าบริษัทประกันรายใหญ่หลายแห่งยื่นขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ และรายงานคาดการณ์ที่ว่าดีมานด์พลังงานจะลดลงในปีนี้ โดยหุ้นเชลล์ดิ่งลง 0.9% หุ้นบีพีปิดลบ 0.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มประกันร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอาร์เอสเอ อินชัวรันซ์ ปิดร่วง 1.3% และหุ้นสแตนดาร์ด ไลฟ์ ปิดลบ 3.6%