TRC รับงานโอมานดัน Backlog ทะลุ 2.12 พันลบ.หนุนรายได้โตต่อเนื่องปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday May 17, 2009 13:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/52 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.52 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 452.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 184.58% ส่วนบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการ 536.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 93.60%

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 20.96% สำหรับงบเฉพาะกิจการ และ 18.26% สำหรับงบรวมบริษัทย่อย ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 23.68% เนื่องจากในปีก่อนบริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มเติมจากโครงการวางท่อก๊าซสงขลาซึ่งได้รับรู้ต้นทุนแล้วตั้งแต่ปี 50

สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของบริษัทฯ ปรับตัวลดลงจาก 34.86 ล้านบาท เหลือ 31.71 ล้านบาท ลดลง 9.04% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานที่แท้จริงในงบรวมบริษัทย่อยปรากฏกำไรสุทธิ 44.82 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.31% ในขณะที่งบเฉพาะกิจการทำกำไรสุทธิสูงถึง 56.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไร 6.83 ล้านบาท ที่ทำได้ในปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1/52 บริษัทฯ ได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเงินจ่ายล่วงหน้าเพื่อการพัฒนาโครงการของบริษัทย่อย คือ บริษัท สหการวิศวกร จำกัด ซึ่งเป็นเงินทดรองจ่ายเพื่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสตึงนำ ประเทศกัมพูชาแก่บริษัทฯ แห่งหนึ่งในปี 50 ทั้งจำนวนมูลค่า 38.25 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการศึกษาและแสวงหาความร่วมมือจากฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดังนั้น การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของสหการวิศวกรจำนวน 38.25 ล้านบาทที่กล่าวข้างต้นส่งผลให้กำไรสุทธิรวมบริษัทย่อยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 6.57 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.22% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6.12 ล้านบาท หรือ 48.25% จากที่เคยทำได้ 12.69 ล้านบาท

"เพราะผลประกอบการในไตรมาสนี้ของเราออกมาค่อนข้างโดดเด่น จึงตัดสินใจตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในบริษัทย่อยทันที เพื่อความโปร่งใส เพราะหลังจากนี้หากโครงการสตึงนำมีความคืบหน้า และสหการวิศวกรได้รับเงินทดรองจ่ายกลับคืนมา รายการที่ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้ก็จะพลิกกลับมาเป็นกำไรของบริษัทฯ ในอนาคต การตั้งสำรองดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี ที่ไม่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานหรือมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด" นายสมัย กล่าว

นายสมัย กล่าวว่า หลังจากนี้บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องควบคู่กันไปทั้งงานในประเทศ และต่างประเทศ ทั้งงานด้านก่อสร้างและวิศวกรในงานวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ งานด้านวางแผนวิศวกรรม และพัฒนาโครงการและการลงทุน (Business development and Investment) ทั้งทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี ในลักษณะ Turn Key

โดยงานในประเทศยังเป็นตลาดหลัก โดยเฉพาะงานวางท่อก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นงานที่ TRC มีความเชี่ยวชาญ และสร้างผลงานในธุรกิจนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีงานใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับงานโครงการระบบท่อส่งก๊าซ หินกอง ระยะที่ 2 จาก บมจ.ปตท.(PTT) มูลค่างาน 267 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีงานวางท่อขนาดเล็กเพื่อส่งไปยังผู้ใช้ปลายทาง หรือ Distribution Pipeline จาก บมจ.ปตท. รวมทั้งงานก่อสร้างสถานี NGV ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นรองรับรถที่ใช้ NGV ต่อเนื่องจากงานที่บริษัทฯ ได้รับมาในปี 51 จำนวน 14 สถานี

ขณะที่งานในต่างประเทศ บริษัทฯ เพิ่งจะได้รับงานโครงการ Construction of Flow Lines Rima Satellites Small Fields จาก Petro Rima สาธารณรัฐสุลต่านโอมาน มูลค่าโดยประมาณ 38,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือมูลค่า 1,368 ล้านบาท ซึ่งภายในไตรมาส 2 จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่เพื่อดำเนินก่อสร้างโครงการร่วมกับพันธมิตรที่โอมาน โดย TRC International Limited บริษัทย่อยของ TRC ที่ประเทศฮ่องกงจะร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 60 ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มี.ค.52 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีงานในมือรวม 20 โครงการ มูลค่ารวม 1,299.80 ล้านบาท

ทั้งนี้งานในมือดังกล่าวยังไม่ได้รวมโครงการที่โอมาน เนื่องจากอยู่ในระหว่างการจัดตั้งบริษัทย่อยที่โอมาน เพื่อลงนามในสัญญาก่อสร้างกับ Petro Rima โดยหากรวมโครงการดังกล่าว มูลค่างานในมือจะเท่ากับ 2,120.60 ล้านบาท สามารถสนับสนุนให้รายได้ทั้งปีเติบโตต่อเนื่องจากปี 2551 และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางรายได้รวม 2,000 ล้านบาทได้



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ