นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ราคาหุ้น GOLD และ GSTEEL คงจะปรับตัวลงในช่วงสั้นก่อน ภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้เข้าข่ายต้องใช้เกณฑ์ Cash Balance ทั้งนี้หุ้น GOLD ให้ดูที่ระดับ 1.9-2 บาทก่อน หากยืนไม่ได้ก็มีโอกาสจะไหลลงไปที่ 1.70 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 2.4 บาท
ส่วนหุ้น GSTEEL นอกจากจะเจอเรื่อง Cash Balance แล้ว ยังมีเรื่องของงบฯที่ออกมาไม่ดีด้วย ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับที่ 0.30 บาท แนวต้าน 0.40-0.42 บาท
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น BSEC มีโอกาสที่จะปรับตัวลงหลังเข้าข่าย Cash Balance ซึ่งคงจะเป็นไปตามทิศทางตลาดโดยรวมวันนี้ด้วย โดยหุ้น BSEC มีโอกาสปรับตัวลงแตะแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 9 วันที่ 2.08 บาทได้
พร้อมให้แนวรับที่ 2.22, 2.08 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 2.32 บาท
ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง (Turnover List) ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ปรากฏว่ามีหลักทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้สมาชิกต้องให้ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์โดยวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวนก่อนการซื้อ (Cash Balance)คือ หุ้น บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้(GOLD), หุ้น บมจ. จี สตีล (GSTEEL), หุ้นบล.บีฟิท(BSEC) มีผลบังคับตั้งแต่ 18 พ.ค. ถึง 5 มิ.ย. 2552
ล่าสุด 15 พ.ค.52 ราคาหุ้น GOLD ปิดที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท(+12.75%)มูลค่าซื้อขาย 91.49 ล้านบาท
ราคาหุ้น GSTEEL ปิดที่ 0.37 บาท ลดลง 0.02 บาท(-5.13%)มูลค่าซื้อขาย 120.72 ล้านบาท
ราคาหุ้น BSEC ปิดที่ 2.28 บาท ลดลง 0.02 บาท(-0.87%)มูลค่าซื้อขาย 59.81 ล้านบาท