นายริช ฟิทเจอรัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีมพรีซิชั่น(TEAM)มั่นใจปีนี้จะสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 1,456 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 7-8% แม้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวก็ตาม
เนื่องจากปีนี้ TEAM จะมุ่งสานต่อการขยายฐานลูกค้าให้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะตลาดกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสินค้านวัตกรรมใหม่(Innovative electronic)เนื่องจากผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ต้องมีการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนอกจากจะขยายฐานลูกค้าแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายลดความเสี่ยงจากพึ่งพากลุ่มลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามนโยบายใหม่ของบริษัทฯด้วย
ส่วนการขยายตลาดใหม่ในปีนี้วางแผนจะเปิดตลาดสู่ประเทศอินเดียเป็นครั้งแรก เนื่องจากพบว่าตลาดยังมีศักยภาพการเติบโตสูง และจากการมุ่งมั่นทำงานของทั้งผู้บริหารและพนักงานในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 TEAM มีคำสั่งซื้อที่ส่งมาจากลูกค้ามากถึง 992 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้เพียง 868 ล้านบาท
"บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพื่อปรับสัดส่วนรายได้ลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ลง จากเดิมที่รายได้จากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่สูงถึง 80% ของรายได้ ก็ปรับลงมาเหลือ 70% และคาดว่าจะลดลงอีกในปีนี้ เพราะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก" นายริช กล่าว
สำหรับโรงงานการผลิตนอกจากจะขยายพื้นที่ให้รองรับงานของลูกค้าได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าใหม่ลงตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกค้าโดยตรง ในขณะเดียวกันยังนำเทคโนโลยีเรื่องการบริหารคลังสินค้าเข้ามาใช้ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า
นอกจากนั้น ยังนำทั้งโรงงานการผลิต และส่วนการผลิตสินค้าต่างๆ เข้าสู่มาตรฐานระดับโลกด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และการปรับปรุงการให้บริการทั้งหมด พบว่าได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดีจากลูกค้า และเชื่อว่าผลจากการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจดังกล่าวจะเห็นได้อย่างชัดเจน จากผลประกอบการที่มีทิศทางดีขึ้น ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่คลี่คลาย
ด้านผลประกอบไตรมาสแรกของปี 52 งวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 มียอดรายได้รวม 344 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนร้อยละ 12.7 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายตลาดยุโรปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 54 ของยอดขายในไตรมาส 1/52 เปรียบเทียบกับร้อยละ 40 ของยอดขายในไตรมาส 1/51 ของปีก่อนและชดเชยกับสัดส่วนที่ลดลงของตลาดในภูมิภาคอเมริกากับเอเชีย
นอกจากนั้นด้วยกลยุทธในการเจาะตลาดใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้ารายใหม่ได้ในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส1/2552 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 54 ล้านบาทหรือร้อยละ 15.6 เปรียบเทียบกับ 56 ล้านบาทหรือร้อยละ 18 ของไตรมาสเดียวกันในปีก่อน(1/2551)
ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้บันทึกรายการตั้งสำรองเผื่อตามหลักของความระมัดระวัง สำหรับสินค้าคงเหลือและการปรับรายการขายสำหรับลูกค้ารายหนึ่งในแคนาดา จากที่ลูกค้าประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถจ่ายชำระค่าสินค้าได้เป็นจำนวนเงินรวม 19 ล้านบาทจึงส่งผลต่อกำไรขั้นต้นของบริษัทฯในไตรมาสแรกของปีนี้ให้อยู่ที่ระดับ 35 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 10 ของรายได้จากการขาย สะท้อนให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 3 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 0.9 ของรายได้จากการขาย ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับผลประกอบการของไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 3.4 ของรายได้จากการขาย เนื่องมาจากผลกระทบจากปัญหาลูกค้าดังกล่าวข้างต้น และหากไม่คำนึงถึงรายการปรับปรุงเฉพาะดังกล่าวกำไรสุทธิในไตรมาสนี้จะเป็น 22 ล้านบาทหรือ ร้อยละ 6.4