นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin:GP) ในปี 52 จะเพิ่มขึ้นมาที่ 44% ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มี GP 39% เนื่องจากบริษัทมี Backlog ที่รอโอนซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเภทอาคาร มีมาร์จิ้นสูง เฉลี่ย 44%
ขณะที่บริษัทสามารถซื้อที่ดินในราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะสอดคล้องกับกำไรสุทธิในปีนี้ ที่เชื่อว่าจะมีการเติบโตได้สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,069 ล้านบาท โดยไตรมาส 1 มีกำไรไปแล้ว 541 ล้านบาท ถือว่าทำได้ครึ่งหนึ่งของกำไรทั้งปีในปีก่อนแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการลดค่าใช้จ่ายเหลือ 6% ของรายได้รวมจากปีก่อนที่ค่าใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 8% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ในปี 52 บริษัทยังมีแผนในการลดงบการซื้อที่ดิน เพราะต้องการถือเงินสดเอาไว้นรองรับสถานการณ์และจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่ดินมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทมีที่ดินรอพัฒนาโครงการในช่วง 3 ปีข้างหน้า (52-54) มูลค่า 4,610 ล้านบาท จึงส่งผลให้งบการซื้อที่ดินในปีนี้เหลือ 1 พันล้านบาท จาก 2.5 พันล้านบาทในปีก่อน
ด้านนางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการเงินและบัญชี SPALI คาดว่ายอดขายในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดขายแล้ว 3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะยอดขายเดือน พ.ค.ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณการกลับมาของผู้ซื้อบ้าน จากเดือน ม.ค.-ก.พ.ยอดขายหายไป 50% จึงทำให้บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ปีนี้ จำนวน 11 โครงการ มูลค่า 14,163 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวสูง 4 โครงการที่เหลือเป็นแนวราบ
สำหรับยอดรับรู้รายได้ในปีนี้ เชื่อว่าจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จาก 6.7 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมียอดรอโอนในปีนี้ 4.7 พัน้ล้านบาท และยังมียอดที่โอนคอนโดฯในไตรมาส 1 ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท และยังจะมียอดขายจากโครงการเดิม จึงทำให้มั่นใจ