นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ในปี 52 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.4 พันล้านบาท และการปรับเป้ารายได้ในครั้งนี้ถือว่าโตจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการในธุรกิจน้ำมันพืชและไบโอดีเซลมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเคมี ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ส่งผลให้บริษัทเดินเครื่องผลิตเต็ม 100% จากไตรมาส 1 ที่เดินเครื่องผลิต 40% ซึ่งจากปริมาณน้ำมันพืชและไบโอเพิ่มขึ้นทำให้คาดว่าในปีนี้จะสามารถล้างขาดทุนสะสมจากสต็อคน้ำมันที่มีอยู่ 140 ล้านบาทได้หมด
แต่ในส่วนของธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าคาดว่ารายได้ในปีนี้จะลดลงเหลือ 30% ของรายได้รวม เนื่องจากความต้องการในการใช้ลูกถ้วยทั้งในส่วนของภาครัฐลดลง 15-20% เอกชนลดลง 60-70% ขณะเดียวกันธุรกิจลูกถ้วยมีมาร์จิ้น 3-5% ซึ่งสูงกว่าธุรกิจอื่นจึงส่งผลให้กำไรในปีนี้คงจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไร 164 ล้านบาท ถึงแม้ธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าที่บริษัทผลิตเพื่อส่งออกจะเติบโตได้ดี
ส่วนธุรกิจ Engineering นายธนิตย์ กล่าวว่า บริษัทได้มีการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 7 แห่ง โดย 5 แห่งเป็นโครงการใหม่ มูลค่า 680 ล้านบาท และอีก 2 แห่งเป็นการปรับปรุงสถานี มูลค่า 40-50 ล้านบาท
แต่ในส่วนของธุรกิจท่าเรือและคลังสินค้า ที่สมุทรสาครและชุมพรนั้น ในส่วนการสร้างท่าเรือกลางทะเล คงล่าช้าไป 1 เดือนจากเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จเม.ย. เนื่องจากสภาพอากาศ แต่ไม่กระทบกับรายได้ในปีนี้ และมองว่ารายได้จากส่วนนี้คงจะไปรับรู้ในปีหน้ามากกว่า
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานมูลค่า 1.2 พันล้านบาท จำนวน 7 โครงการ ซึ่งเป็นงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย โดยคาดหวังว่าจะได้งาน 20-25% จากที่เข้าประมูล
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีงานในมือ 690 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ 75%
"ปีนี้บริษัทคงจะโตได้จากธุรกิจน้ำมันพืชและไบโอดีเซล แต่ลูกถ้วยไฟฟ้าคงจะเหนื่อยหน่อย เราก็หวังว่าหากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการอัดงบลงทุนเราก็จะได้ผลดีตามไปด้วย หากกระตุ้นเร็วไตรมาส 4 นี้ก็คงจะเห็นผล" นายธนิตย์ กล่าว