โบรกเกอร์แนะนำลงทุนหุ้นบมจ.บีอีซี เวิล์ด(BEC)หลังจากมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/52 และคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/52 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นการใช้งบโฆษณา ประกอบกัย ยูนิลิเวอร์ได้กระจายงบโฆษณาไปช่องอื่นแทนช่อง 7 ซึ่งมองว่าช่อง 3 ได้มากสุด แต่ทั้งปีคาดการณ์ว่ากำไรทั้งปี 52 อาจลดลงจากปีก่อนจากการใช้เม็ดเงินโฆษณษาหดตัว
อย่างไรก็ดี มองว่าเป็นหุ้นที่รอถือเงินปันผล และราคาหุ้นวิ่งตามดัชนีอยู่แล้ว จังหวะน่าเข้าซื้อ เพราะมองแนวโน้มตลาดยังเป็นขาขึ้น โดยราคา BEC(เมื่อเวลา 11.02 น.)บวก 0.30 บาท (+1.52%) มาอยู่ที่ 20.00 บาท ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 20.10 บาท ขณะที่ดัชนีตลาด บวก 14.13 จุด(-2.62%) มาที่ 554.35 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่ออ่อนตัว 27.50 บล.กสิกรไทย ซื้อ 25.70 บล.ธนชาต ซื้อ 25.50 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 25.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 22.50 บล.ทรีนิตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 22.00
นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้น BEC หากมองในแง่ความน่าสนใจด้านปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่การทำกำไร ความมั่นคง คุณภาพบริษัทดี แต่ในแง่อื่นไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เป็นหุ้นที่เล่นตามดัชนี ดัชนีขึ้นก็คงขึ้นตาม ดัชนีลงก็อาจปรับลง
"หุ้นตัวนี้ขึ้นลงตามตลาด อย่างเก่งก็อยู่ที่ 22-24 บาท ผมคิดว่าตลาดน่าจะขึ้นไปถึง 600 จุด ตัวนี้ก็จะขึ้นตามตลาด หุ้นเป็นลักษณะ market performer แต่หุ้นเขาจะไม่มีน้ำหนักในตลาดเท่าไร"นายพงศ์พันธุ์ กล่าว
ส่วนบทวิเคราะห์ของบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ BEC มากขึ้น แม้ว่ากำไรไตรมาส 1/52 ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ แต่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/52 จะฟื้นตัวขึ้นเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมโฆษณา เม็ดเงินโฆษณาที่ช่อง 3 ได้รับในเดือนเมษายนและยอดจองโฆษณาในเดือนพฤษภาคมสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ลูกค้ารายใหญ่หลายรายมีการเพิ่มเม็ดเงินโฆษณาทางช่อง 3 รวมทั้งได้อานิสงค์จากการที่ยูนิลิเวอร์โยกโฆษณาจากช่อง 7 ไปยังช่องอื่นๆ
แม้ว่ารายได้ในไตรมาส 2/52 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นแต่เนื่องจากกำไรไตรมาส 1/52 คิดเป็นเพียง 19% ของกำไรปีนี้ที่เราเคยคาดการณ์ จึงปรับลดประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าลง 5% และ 3% ตามลำดับ โดยคาดว่ากำไรปกติของ BEC จะเท่ากับ 2,706 ล้านบาท(1.35 บาท/หุ้น)ลดลง 7% จากปีก่อนภายใต้สมมติฐานว่ารายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากต้นทุนด้านรายการที่สูงขึ้นจากการปรับผังรายการโดยมีการผลิตรายการใหม่และขยายเวลาออกอากาศละครก่อนข่าว
บทวิเคราะห์ ของบล.เคจีไอ มองว่า ผลประกอบการของ BEC น่าจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/52 และสามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2/52
สำหรับกำไรสุทธิของ BEC ในไตรมาส 1/52 อยู่ที่ 544 ล้านบาท ลดลง 18.8% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน และ 24.5% จาดไตรมาสที่แล้ว เกิดจากรายได้โฆษณาที่ลดลง โดยเฉพาะจากผู้ใช้โฆษณารายย่อย ซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตส่วนมากของบริษัทฯ เป็นต้นทุนคงที่
และคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2/52 โดยปัจจัยบวกจากการไหลเข้าของเม็ดเงินโฆษณา BEC เผยว่าผู้ใช้โฆษณาได้มีการใช้งบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน เม.ย. โดยในเดือน เม.ย. Unilever (Thai) Holding ซึ่งเป็นผู้โฆษณารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยมีการใช้งบโฆษณา 385.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อน และ 11.2% จากเดือนก่อน งบดังกล่าวถูกแบ่งให้กับ BEC สูงสุด ตามด้วย MCOT ในขณะที่ช่อง 7 ถูกตัดงบอย่างมากจากราคาโฆษณาที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ BEC เผยว่าผู้ใช้โฆษณารายย่อยเริ่มกลับมาใช้งบกันมากขึ้นแล้ว เนื่องจากคลายความกังวลต่อประเด็นเศรษฐกิจ อีกทั้งมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาในบ้างรายการ(ตีสิบและสตอร์เบอร์รี่ชีทเค้ก) และรายการใหม่อย่างทูไนท์โชว์ ที่มีอัตราค่าโฆษณาสูงกว่ารายการเดิม ก็จะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนรายได้โฆษณาในไตรมาส 2/52 ได้
ด้าน บล.ธนชาต เห็นว่า ไตรมาส 2 เป็นช่วง high season ของอุตสาหกรรมโฆษณา ดังนั้นผู้ลงโฆษณาจึงเต็มใจที่จะใช้จ่ายงบโฆษณามากขึ้น ในขณะเดียวกันคู่แข่งหลัก อย่างช่อง 7 ได้ตัดสินใจที่จะไม่ให้ส่วนลดในการโฆษณา (อัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 15%) ตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ต้นทุนต่อ rating point ของช่อง 7 สูงขึ้น ซึ่งทำให้ช่วงเวลาของ BEC มีความสนใจมากขึ้น
ดังนั้น จึงทำให้ผู้โฆษณารายใหญ่ อย่าง Unilever หันมาใช้จ่ายงบโฆษณาทางช่อง 3 ของ BEC มากขึ้น จากรายงานของ Nielsen media research, BEC มีรายได้ค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นราว 2.5% ในเดือน เม.ย.เทียบกับช่อง 7 ที่หดตัวลง 24%
จึงเชื่อว่ารายได้ของ BEC ได้ผ่านระดับต่ำสุดไปแล้วในช่วงในไตรมาส 1/52 ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงาน น่าจะฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 38% ในช่วงไตรมาส 1/52 มาอยู่ที่ระดับปกติที่ 44% จากช่วงไตรมาส 2/52 เป็นต้นไป
ถึงแม้ว่ากำไรของ BEC ในช่วงในไตรมาส 1/52 จะคิดเป็นเพียง 20% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา แต่เราเห็น downside ที่ต่อประมาณการกำไรของเราที่จำกัด เนื่องจากฐานที่สูงในปีที่ผ่านมา เรื่องราวการเติบโตของ BEC จึงไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก และคาดว่า EPS น่าจะลดลงราว 4% ในปีนี้
แต่อย่างไรก็ตาม BEC เป็นบริษัทฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และให้ dividend yield ที่แข็งแกร่ง และสม่ำเสมอที่ 7%