บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น คาดว่า หุ้น IPO จะเข้าเทรดได้กลางเดือน มิ.ย.นี้ โดยในต้นเดือนมิ.ย.จะกำหนดราคาขายและเปิดจองหุ้น IPO จำนวน 130 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 27% ของทุนจดทะเบียน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะเข้าเทรดได้กลางมิ.ย. หลังจากที่กำหนดราคาได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถกระจายหุ้น 50% ให้กับสถาบัน และที่เหลือกระจายให้รายย่อย
"ในฐานะที่ผมเป็น FA ผมเชื่อว่าหุ้นตัวนี้มีพื้นฐานที่ดี นักลงทุนสถาบันน่าจะสนใจและยิ่ง sentiment ตลาดในตอนนี้ก็เอื้ออำนวย ส่วนราคาคงขอประเมินก่อน"นายประเสริฐ กล่าว
ด้านนายพิริยะ ว่องพยาบาล รองประธานบริหาร บมจ.โตโย-ไทยฯ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมี Backlog 7.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่างานในส่วนปิโตรเคมีและโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ที่คาดว่าจะรู้ผลประมูลใน 2-3 เดือน ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะได้งานดังกล่าว โดย Backlog ดังกล่าวจะทยอยรับรู้ในปีนี้ 3 พันล้านบาท และที่เหลือจะเป็นการทยอยรับรู้ในปีหน้า ซึ่งปริมาณงานดังกล่าวถือว่า นอกเหนือจากโครงการที่บริษัทได้มีการรับรู้ในไตรมาสแรกไปแล้วกว่า 4 พันล้านบาท และในปี 52-53 นี้ ก็จะเข้าประมูลงานเพิ่มอีก มูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาในการสร้างโรงปุ๋ยให้กับประเทศโมรอคโค มูลค่างาน 400 ล้านเหรียญซึ่งจะหนุนรายได้บริษัทเติบโตขึ้น แต่คาดว่าจะไปรับรู้ในปีหน้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่า เป็นการเข้าไปรับงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่ ซึ่งมาร์จิ้นงานในต่างประเทศจะสูงกว่าในประทเศไทยที่เฉลี่ยอยู่ที่ 3-4%
สำหรับเงินที่จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับงานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 1-1.76 หมื่นล้านบาท/โครงการ และใช้ในการขยายงานรับเหมา EPC ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและกลุ่มอาเซี่ยน
โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น ประกอบธุรกิจการให้บริการด้านการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการก่อสร้างโรงงานแบบครบวงจร ภายใต้การร่วมทุนของ Toyo Engineering Corporation(ประเทศญี่ปุ่น) และบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ (ITD) ในสัดส่วนร้อยละ 49 และร้อยละ 51 ตามลำดับ โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการ Integrated EPC แห่งแรกของประเทศไทย