นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไทยออยล์(TOP)คาดว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/52 จะใกล้เคียงในไตรมาส 1/52 แม้ว่าราคาปิโตรเคมีจะปรับตัวสูงขึ้นทั้งพาราไซลีนและเบนซีน
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์พาราไซลีนคาดว่าในไตรมาส 2/52 จะมีสเปรดเพิ่มขึ้นหรือเกินกว่า 570 เหรียญ/ตัน จากไตรมาส 1/52 มีสเปรดที่ 377 เหรียญ/ตัน ส่วนเบนซีนคาดว่าสเปรดจะยืนเหนือ 80 เหรียญ/ตันในช่วงไตรมาส 2/52 และไตรมาส 3/52 จากไตรมาส 1/52 สเปรดติดลบ 66 เหรียญ/ตัน
และยังคาดว่าสถานการณ์ปิโตรเคมี ราคาจะทรงตัวไปจนถึงไตรมาส 3/52 แต่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงในไตรมาส 4/52 หลังจากมีกำลังการผลิตใหม่จากจีนและตะวันออกกลางเพิ่มเข้ามาในตลาด ซึ่ง TOP น่าจะไดั้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจากผลิตภัณฑ์มีความใกล้เคียงกัน
ส่วนธุรกิจโรงกลั่นยังคาดว่าในไตรมาส 2/52 จะพยายามรักษาระดับค่าการกลั่นให้ดีใกล้เคียงกับไตรมาส 1/52 ที่ 3.8 เหรียญ/บาร์เรล แต่ยอมรับธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 2/52 จะไม่ค่อยดี แม้ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวดีขึ้นแต่บริษัทมีความสามารถกำลังการผลิตน้ำมันอากาศยาน(JET)ได้ในระดับสูง แต่ความต้องการน้ำมันอาศยานปรับตัวลดลงเนื่องจากธุรกิจสายการบินประสบปัญหาต่อเนื่อง
"ทั้งปีเราก็ยังคาดว่ากำไรทั้งปีจะโตกว่าปีก่อน และยังหวังว่าค่าการกลั่นทั้งปีจะกลับมาดี ใกล้เคียงปีก่อนที่ 7.9 เหรียญ/บาร์เรล เพราะครึ่งปีหลังเราคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับ 56-62 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือว่าราคาดีกว่าราคา ณ สิ้นปีก่อนที่อยู่ในระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล ยังไงก็มี Stock Gain และอีก 2-3 ปี จะได้เห็นเลขสามหลักของราคาน้ำมัน" นายวิโรจน์ กล่าว
อนึ่ง ในไตรมาส 1/52 TOP มีรายได้ 56,543 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 2,283 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.12 บาท ลดลง 41%