สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลไฟลิ่งของบมจ. ธนาสิริ กรุ๊ป ได้นับ 1 Filing เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2552 โดยบริษัทฯจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ และจะออกหุ้นสามัญ 5 ล้านหุ้นเพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่ออกให้กรรมการและพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย จำนวน 5 ล้านหน่วย โดยมีบล. เอเซีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ใช้พัฒนาโครงการในอนาคตต่อไป และชำระเงินกู้ยืมบางส่วน
บมจ. ธนาสิริ กรุ๊ป เดิมชื่อ บริษัท ประสิทธิ์ปิ่นเกล้า จำกัด ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินเพื่อขาย โครงการส่วนใหญ่เป็นโครงการอาคารพาณิชย์และทาวน์เฮ้าส์ ทั้งนี้ บริษัทฯได้เข้าถือหุ้นในบริษัท ธนาสิริ พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(TPD)ในสัดส่วน 99.6% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเป็นผู้พัฒนาโครงการและเป็นเจ้าของโครงการเน้นการพัฒนาโครงการในเขตปริมณฑล ส่วน TPD จะเน้นโครงการในต่างจังหวัด
ในปี 2551 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 21.6 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้มีการพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ได้แก่ โครงการเดอะ ไพรเวซี่ ไพร์มเพลส รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่, โครงการธนาสิริ ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์, โครงการไพร์มเพลส รัตนาธิเบศร์-บางใหญ่ และโครงการไพร์มเพลส เนรมิต-อนุสาวรีย์ จังหวัดภูเก็ต ของ TPD
จากงบการเงินรวมของบริษัท ณ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 671.4 ล้านบาท หนี้สินรวม 453.3 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 218.1 ล้านบาท และอัตราหนี้สินต่อทุน 2.07 เท่า
ภายหลังจากที่ได้มีการนำเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท และทุนชำระแล้ว 250 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯมีนโยบายที่จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 22 เม.ย.2552 คือ น.ส.เกษรา จิรไชยสิงห์ ถือหุ้น 75.55 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 37.78% ภายหลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 30.22% และภายหลังการใช้สิทธิตามสบำคัญแสดงสิทธิฯครบทั้งจำนวน สัดส่วนการถือหุ้นจะถูกลดลงเหลือ 29.63%