นายปิยะ ตันธนพิพัฒน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) คาดว่าแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2 นี้จะมีรายได้ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 700 ล้านบาท แต่ในส่วนของกำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 107 ล้านบาท จากราคาขายถ่านหินที่ลดลง โดยเฉลี่ยขายอยู่ที่ราคา 2.5-2.8 พันบาท/ตัน เนื่องจากบริษัทพยายามหาลูกค้าเพิ่มและรักษาลูกค้าเดิมเอาไว้ ทำให้ต้องมีการขายราคาต่ำกว่าปีก่อนที่ราคาขายอยู่ที่ 2.5-3 พันบาทเล็กน้อย
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น ปีนี้บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 25-30% ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ที่กว่า 30%
นายปิยะ กล่าวถึงความคืบหน้าธุรกิจถ่านหินว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจา 3-4 ราย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท และมีปริมาณถ่านหินสำรองประมาณ 10 ล้านตัน
"ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาถ่านหินค่อนข้างนิ่งไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ชะลอการสั่งซื้อถ่านหิน แต่หากในช่วงไตรมาส 3 และ 4 แนวโน้มถ่านหินปรับเพิ่มขึ้นได้ก็จะช่วยให้มีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามา" นายปิยะ กล่าว