ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารเนื่องจากข่าวการระดมทุนของแบงค์ ออฟ อเมริกา และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอังกฤษหลังจากมีรายงานว่าตำแหน่งในภาคการเงินของอังกฤษร่วงลงอย่างหนัก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 13.84 จุด แตะที่ 4,468.41 จุด
ฟิลิป ยิลเล็ต นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงหลังจากมีรายงานว่าตำแหน่งงานในภาคธุรกิจการเงินของอังกฤษหดตัวลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการธนาคารครั้งรุนแรงสุดในรอบเกือบ 80 ปี
โดยผลสำรวจของบริษัทจัดหางาน มอร์แกน แมคคินลีย์ เผยว่า ตำแหน่งงานว่างในภาคการเงินร่วงลงกว่า 20% เหลือเพียง 2,722 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. จาก 3,465 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ส่วนจำนวนผู้สมัครงานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานก็ลดลง 4% เหลือเพียง 7,060 คน ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบเดือนมี.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงหลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา ประกาศระดมทุนเพิ่มมูลค่า 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการขายหุ้นสามัญ เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลงกว่า 8% หุ้นธนาคาร HSBC ดิ่งลง 1.5% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปิดลบ 1.6% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดลบ 2%
ส่วนหุ้นชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดในยุโรป ปิดบวก 1.5% เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 62 ดอลลาร์/บาร์เรล และหลังจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเชลล์ขึ้นสู่ระดับ “neutral" จากระดับ “underweight"