ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษ และนายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าวิกฤตการณ์การเงินยังไม่สิ้นสุดลง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 122.94 จุด แตะที่ 4,345.47 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,325.77-4,468.41 จุด
เดวิด คู๊ก นักวิเคราะห์จาก Mint Equities Ltd กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยลบจากการที่ S&P ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ ลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" เนื่องจากภาระหนี้สินของอังกฤษที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อังกฤษวางแผนขายพันธบัตรมูลค่าถึง 2.20 แสนล้านปอนด์ในปีงบประมาณ 2552 หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้รายได้ลดลง และยังบีบให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบใช้จ่าย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่กรีนสแปนคาดการณ์ว่า วิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐยังไม่สิ้นสุดลงแม้ต้นทุนการกู้ยืมลดลงก็ตาม พร้อมกับเตือนว่าธนาคารพาณิชย์สหรัฐจะต้องระทุนทุนอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ กรีนสแปนคาดว่าระบบการธนาคารในสหรัฐยังขาดเงินทุนอีกมาก แม้ผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบุว่ามีเพียง 10 แบงค์ จากทั้งหมด 19 แบงค์ที่ต้องระดมทุนก็ตาม
ข่าว S&P ลดอันดับเครดิตอังกฤษได้ฉุดหุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นธนาคาร HSBC ดิ่งลง 3.7% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 5.9%
ส่วนหุ้นโวดาโฟนซึ่งเป็นบริษัทโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอังกฤษ ดิ่งลง 4.3% หลังจาก เจมส์ บริทตัน นักวิเคราะห์จากโนมูระ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟน