ทริส ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ CPF ที่ระดับ “A+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 22, 2009 08:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่ระดับ “A+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม การมีสินค้าและตลาดรองรับที่หลากหลาย การลงทุนในต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่ได้รับความนิยมมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ความเสี่ยงต่อโรคระบาดต่างๆ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจนำตราสัญลักษณ์ “CP" มาใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทนับว่ามีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์และน่าจะช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานลงได้บางส่วน

นอกจากนี้ ความได้เปรียบจากการเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสินค้าและตลาดที่หลากหลายน่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงของธุรกิจและช่วยให้บริษัทมีผลกำไรที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้นในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และถือเป็นธุรกิจหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในประเทศไทยด้วย โดย ณ เดือนเมษายน 2552 บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารมี บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัทในเครือถือหุ้น 41% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มธุรกิจสัตว์บก และกลุ่มธุรกิจสัตว์น้ำ คิดเป็นสัดส่วน 73% และ 27% ของยอดขายรวมตามลำดับ

โดยในแต่ละกลุ่มธุรกิจครอบคลุมสินค้าตั้งแต่อาหารสัตว์ พันธุ์สัตว์ สัตว์มีชีวิต เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าหลักทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป

บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานเพื่อจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกภายใต้ตราสัญลักษณ์ “CP" ต่อไปเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเพื่อสร้างเสถียรภาพของกระแสเงินสด

โดยในปี 2551 บริษัทมีรายได้จากการขายพันธุ์สัตว์ สัตว์มีชีวิต และเนื้อสัตว์ดิบ 43% ของยอดขายรวม ตามมาด้วยอาหารสัตว์ 37% และเนื้อปรุงสุกและอาหารพร้อมรับประทาน 20% ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเนื้อปรุงสุกและอาหารพร้อมรับประทานให้เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายรวมภายใน 5 ปีข้างหน้า

นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายแล้ว บริษัทยังดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 8% ของยอดขายรวมในปี 2546 เป็น 16% ของยอดขายรวมในปี 2551 ทั้งนี้ กิจการใหม่ในประเทศรัสเซียคาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2552

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ฐานะการเงินของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 50.04% ในปี 2550 เป็น 51.04% ในปี 2551 แต่ปรับลดลงเป็น 49.48% ในเดือนมีนาคม 2552 ยอดขายในปี 2551 เพิ่มขึ้น 15.9% เป็น 156,238 ล้านบาท จาก 134,809 ล้านบาทในปี 2550 ผลการดำเนินงานจากกิจการในประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาสินค้าปศุสัตว์ภายในประเทศในปี 2551 โดยเฉพาะราคาไก่เนื้อและสุกร

ทำให้บริษัทยังคงมีกำไรสุทธิรวม 3,128 ล้านบาทในปี 2551 แม้จะต้องเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น โดยบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 1,275 ล้านบาทในปี 2550 ผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 โดยมียอดขายที่ 34,779 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปี 2551 และมีกำไรสุทธิ 771 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 71%

ทั้งนี้ ต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงต้นปี 2552 ตลอดจนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มน่าจะมีส่วนช่วยลดความกดดันจากราคาไก่เนื้อภายในประเทศที่อ่อนตัวลงและภาวะอุปสงค์ของโลกที่ชะลอตัวลงได้บางส่วน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ