โบรกฯแนะ"ซื้อ/เก็งกำไร"HMPROภาพรวม-ฐานะการเงินดี มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 22, 2009 14:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          บล.กิมเอ็ง             ซื้อเมื่ออ่อนตัว                5.00
          บล.ซิกโก้                 ซื้อ                     5.86
          บล.ไซรัส                 ถือ                     5.20
          บล.เอเชียพลัส             ซื้อ                     5.50
          บล.คันทรี่ กรุ๊ป           เก็งกำไร                  5.50
          บล.ยูไนเต็ด               ซื้อ                     5.40

น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ผลประกอบการของ HMPRO ในไตรมาสแรกปี 52 ออกมาค่อนข้างดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งๆ ที่มีการประเมินกันไว้ว่าภาพรวมไม่น่าจะดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลง

"จากที่คาดว่าไม่น่าจะดีตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ปรากฎว่าทำผลประกอบการออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าที่คาด ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วที่อสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอตัว แต่กำไรออกมาดี ไตรมาส 1 ก็ออกมาดี อาจจะโตดีกว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ด้วยซ้ำ เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีทั้งที่เป็นเป็นกลุ่มลูกค้าซื้อบ้านใหม่และลูกค้าที่ซ่อมแซมบ้าน"น.ส.สุทธาทิพย์ กล่าว

เราประมาณการณ์แบบ Conservative รายได้ปี 52 อาจจะโตได้ประมาณ 5% แต่ในส่วนของกำไรทั้งปีอาจจะลดลงประมาณ 7% เนื่องจากมีการจัดทำโปรโมชั่น งานแสดงสินค้าค่อนข้างบ่อย อาจจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้มองว่าภาพรวมจะออกมาแย่ เพราะถือว่าในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ยังทำกำไรได้ถือว่าค่อนข้างดีแล้ว อีกอย่างคือปี 51 เป็นปีที่ HMPRO ทำฐานหรือผลงานได้ดีมาก

"ตอนนี้หุ้น HMPRO มี Upside ไม่เยอะ Fair Value ที่ 5.00 บาท ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ 4.86 บาท ถ้าจะลงทุน แนะนำให้"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"

บทวิเคราะห์ของ บล.ซิกโก้(SSEC) มองว่า ฐานะทางการเงิน HMPRO แข็งแกร่งขึ้น และด้วยปัจจัยบวก อันได้แก่ การขยายฐานลูกค้าจากสาขาที่เปิดเพิ่ม 2 สาขาตั้งแต่ต้นปี, กลุ่มลูกค้าหลักยังมีกำลังซื้อ เพียงแต่ต้องกระตุ้นด้วยการทำโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย, นโยบายของรัฐที่กระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ และสัดส่วนสินค้า House Brand ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 15% ใน FY09E

ดังนั้น ทำให้ SSEC ยังคงประมาณการกำ ไรสุทธิ FY09E ไว้ที่ 1,054 ล้านบาท โดยให้ราคาเหมาะสมใน FY09E เท่ากับ 5.86 บาท(อิง PER ที่ 11x) มี Upside Gain เท่ากับ 22.5% และ Dividend Yield ที่ 7.8% เรายังคงแนะนำ“ซื้อ"

ขณะที่ บล.ไซรัส ปรับประมาณการกำไรปี 52 ขึ้นเป็น 1,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% y-y จากผลประกอบการในไตรมาส 1/52 ที่ยังออกมาดี โดยยอดขายต่อสาขาเดิม หรือ SSS growth ยังเติบโตได้ที่ 8% สะท้อนให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเกี่ยวกับการตกแต่งซ่อมแซมบ้านไม่ได้ชะลอตัวมากอย่างที่คาด บวกกับการบริหารจัดการภายในที่ดีของบริษัท ช่วยให้สามารถลดต้นทุนในการบริหารสินค้าคงคลังและทำให้สภาพคล่องดีขึ้น จึงปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 5.20 บาท

แม้เราจะปรับประมาณการกำไรของบริษัทในปีนี้เพิ่มเป็น +6% y-y แต่จากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมามาก และใกล้กับราคาตามมูลค่าพื้นฐานที่ทำไว้ มี Upside อยู่เพียง 8.8% จึงแนะนำ ถือ

น.ส.ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล บล.เอเชียพลัส ให้มุมมองต่อหุ้น HMPRO ผ่านบทวิเคราะห์ว่า เชื่อว่าราคาหุ้น HMPRO ยังสามารถปรับตัวขึ้นตามหุ้น Home Improvement ในตลาดหุ้นทั่วโลกได้อีก ดังนั้น จึงปรับมูลค่าพื้นฐานหุ้นจากเดิมที่อิง PER ที่ 9 เท่า มาเป็น 10 เท่า(ยึดหลักอนุรักษ์นิยม โดยคำนวณจากการปรับขึ้นของ PER จากจุดต่ำสุดของปีเพียง 30%) โดย Fair Value ใหม่ อยู่ที่ 5.50 บาท มี Upside 19.6% และคาด Div. Yield อีกราว 4.8%จึงคงแนะนำ “ซื้อ"

ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มกำไรปี 52 ของ HMPRO อาจจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 51 ที่ทำได้ 959 ล้านบาท อาจจะโตขึ้นไม่เกิน 5% แต่ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้การเติบโตได้สูสีจากปีที่แล้วก็ถือว่าดีแล้ว

อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นตอนนี้ 4.78 บาท สูงกว่า Book Value 1.8 เท่าแล้ว ประกอบกับอุตสาหกรรมโดยรวมที่อสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาจจะทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งยังมีความกังวลในเรื่องเงินฝืดอาจทำให้ลูกค้าชะลอการบริโภคลง แต่การที่ HMPRO ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซ่อมแซมบ้าน

"ระดับผลกำไรอาจโตไม่ต่างจากปีที่แล้ว และพอดูราคาหุ้นตอนนี้ 4.78 บาท ขึ้นมาจาก 2 บาทกว่า ราคาเป้าหมายที่เรามองไว้ที่ 5.50 บาท ก็ถือว่าใกล้เต็มมูลค่าแล้ว 5.50 บาท แล้ว จึงแนะนำแค่"เก็งกำไร"

ขณะที่ บล.ยูไนเต็ด มองว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 1/52 ดีกว่าที่คาดไว้ถึง 16% โดยมาจากยอดขายและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าคาดราว 5% และ 70BPS คิดเป็นสัดส่วนกว่า 23% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี ในขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/52 คาดว่าจะถูกกดดันจากปัญหาทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้น เบื้องต้น จึงยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 52ที่ 1,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายปี 52ที่ 5.4 บาทอิงอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PER) 10x เพราะมีกำไรไตรมาส 1/52สูงกว่าตลาดคาดและจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ