เครือสหพัฒน์ฯคาดรายได้ปี 52 อาจติดลบ 5-10% หลัง 4-5 เดือนแรกวูบแล้ว 7%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 26, 2009 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ คาดว่า ยอดขายในปีนี้คงจะติดลบ 5% จากปีก่อนที่โต 2-3% และอาจถึง 10% หากภาวะเศรษฐกิจเลวร้ายลงอีก โดยยอดขายใน 4-5 เดือนที่ผ่านมาลดลงไปแล้วราว 7% โดยเฉพาะยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า รองเท้าที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันในส่วนของกำไรคาดว่าน่าจะปรับลดลงด้วย แต่คงยังไม่ถึงขั้นขาดทุน

ดังนั้น เครือสหพัฒน์ได้ร่วมกันจัดงาน SAHA GROUP FAIR ในช่วง 25-28 มิ.ย.นี้ เพื่อหวังว่าจะกระตุ้นยอดขาย โดยในส่วนของราคาสินค้าบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะปรับขึ้นหรือปรับลง แต่จะมีการทำโปรโมชั่นมากขึ้น

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เครือสหพัฒน์ก็คงจะไม่มีการลงทุนด้วยเม็ดเงินขนาดใหญ่ แต่ยังจะขยายกิจการหรือต่อยอดธุรกิจในลักษณะการเข้าซื้อกิจการบริษัทขนาดเล็ก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย จากก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าไปซื้อโรงงานผลิตถุงเท้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสินค้าให้หลากหลายและยังเป็นการเพิ่มยอดขายในอนาคต

ผู้บริหารเครือสหพัฒน์ ให้ความเห็นถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นหลังจากนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่เห็นแน่นอน ประเทศไทย 5 เดือนขาดทุนและ ถังแตก

"ไม่เข้าใจว่าทำไมเพิ่งจะรู้ว่า(จีดีพีไตรมาสแรก)ติดลบ 7% ผู้ประกอบการรู้ ๆ กันอยู่แล้ว เศรษฐกิจแบบนี้คงจะต้องตัวใครตัวมัน รากหญ้าก็เหนื่อย"นายบุณยสิทธิ์ กล่าว

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทางการควรจะดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสมกับตลาดมากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินบาททำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไม่กล้าลงทุน โดยส่วนตัวมองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 40 บาท/ดอลลาร์ และถ้าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 40 บาท/ดอลลาร์เป็นระยะเวลา 2-3 ปี รัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องกู้เงิน และยังพัฒนาประเทศได้

สำหรับมาตรการที่รัฐบาลจะกู้เงิน อาจจะทำให้จมลง

"จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ยังดีที่บริษัทไม่ได้ส่งออก 100% มีการขายในประเทศด้วยและจากปัญหาที่เงินบาทแข็งก็ส่งผลให้ สัดส่วนส่งออกของเราลดลงเหลือ 20% จาก 30% ในส่วนสิ่งทอส่งออกลดลง 30%...ค่าเงินบาทเหมือนตาชั่ง แบงก์ชาติต้องทำให้นิ่งถึงจะช่วยประเทศชาติได้ ตอนนี้สถานการณ์ลงเหวและตีลังกาด้วยซ้ำ ถ้าไม่ช่วยผู้ประกอบการก็จะเหนื่อยและอาจทำให้ gap ระหว่างคนจนกับคนรวยชัดมากขึ้น จริงๆ แล้วยังมีธุรกิจที่โดดเด่น ท่องเที่ยว เกษตรฯ เป็นต้น ซึ่งประเทศอื่นไม่มี"นายบุณยสิทธิ์ กล่าว

ด้านบุญยเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล(ICC)กล่าวว่า ช่วงต้นปีกำลังซื้อปรับลดลงมาก แต่ปัจจุบันเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น วัดได้จากยอดขายที่กระเตื้องขึ้น โดยมองว่าเศรษฐกิจจะทรงตัวและฟื้นตัวในไตรมาส 3 และ 4 ผู้บริโภคมีความมั่นใจจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้มอง GDP ครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นไม่กระทบราคาสินค้า เพราะจะปรับราคาตามต้นทุน

ส่วนรายได้ ICC ปีนี้คงใกล้เคียงปีก่อน ที่มีรายได้รวม 11,479.78 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ