นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านบัญชีและการเงิน บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า จากการหยุดการดำเนินโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน(PQI)ทำให้บริษัทต้องวางแผนกำลังการกลั่นใหม่ โดยขณะนี้กำลังการกลั่นปรับลงมาที่ 8.5 หมื่นบาร์เรล/วัน จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำลังการกลั่นที่ 9.5 หมื่นบาร์เรล/วัน แต่ก็ยังสูงกว่าปีก่อนที่มี 7.6 หมื่นบาร์เรล/วัน
บริษัทคาดว่าเหตุการณ์หยุดเดินเครื่อง PQI จะกระทบกับกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม ดอกเบี้ย (EBITDA) ในระยะสั้น เนื่องจากได้ทำประกันคุ้มครองการเสียโอกาสการผลิตของ PQI กรณีที่ไม่สามารถเดินเครื่องได้ภายใน 2 เดือน โดยจะจ่ายค่าเสียหายสูงสุดถึง 18 เดือน ซึ่งจะทำให้บริษัทสูญเสียรายได้อย่างมากที่สุดเพียง 2 เดือนเท่านั้น
ดังนั้น ถึงจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แต่ก็คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียง 8 พันล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 8.5 พันล้านบาท รวมทั้งหากราคาน้ำมันโลกยังยืนได้ระดับ 50-60 เหรียญ/บาร์เรลตามที่บริษัทประเมินไว้ผลประกอบการก็จะไม่กระทบมากนัก
"EBITDA คงไม่ได้เสียหายระเนระนาด แต่อาจเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ก็ถือว่ายังเยอะอยู่ดี ... ถ้าตลาดในช่วงปลายปี ผมว่ายังอยู่ใกล้เคียง 8 พันล้านบาท "นายปฏิภาณ กล่าว
ทั้งนี้ BCP หยุดเดินเครื่องโครงการ PQI ชั่วคราตั้งแต่ 25 พ.ค.จากปัญหาระบบควบคุมการไหลน้ำมัน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบความเสียหาย โดยยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะกลับมาเดินเครื่องได้ ต้องรอผลการตรวจสอบความเสียหายต่อไป
นายปฎิภาณ กล่าวว่า บริษัทยังได้น้ำมันเตาปริมาณเท่ากับปีก่อนที่ 120-130 ล้านลิตร จากที่คาดว่าจะลดลงจากโครงการ PQI แต่บริษัทสามารถหาทำสัญญาขายล่วงหน้าได้หมด เนื่องจากเป็นน้ำมันเตาคุณภาพดี ประกอบกับช่วงนี้ส่วนต่างระว่างดีเซลและน้ำมันดิบดูไบไม่สูงมาก หรืออยู่ประมาณ 5-6 เหรียญ/บาร์เรล จึงไม่ได้ทำให้สูญเสียโอกาสมาก