บมจ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม(UPOIC)คาดว่า ปี 52 รายได้และกำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.3 พันล้านบาทและกำไรสุทธิ 331.50 ล้านบาท เพราะปีนี้ปริมาณผลผลิตปาล์มในประเทศลดลง 25% มาอยู่ไม่เกิน 1.25 ล้านตัน จากปีก่อนที่มีผลผลิต 1.5 ล้านตัน ประกอบกับ ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวลงจากปีก่อน โดยคาดว่าปีนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500 ริงกิต/ตัน จากปีก่อนมีราคาเฉลี่ย 2,852 ริงกิต/ตัน
"ปีนี้ทั้งราคาและผลผลิตก็น้อยกว่าปีที่แล้ว ก็ประเมินว่ารายได้ต่ำกว่าปีก่อน กำไรสุทธิก็น้อยกว่าปีก่อน แต่คาดการณ์ไม่ถูก เพราะราคา commodity คาดเดาได้ยาก จึงไม่สามารถคาดได้ว่ารายได้ปีนี้จะตกลงไปเท่าไร"นายสมชัย จงสวัสดิ์ชัย กรรมการผู้จัดการ UPOIC กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ปีนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบผันผวนต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งราคาในปี 51 ปาล์มดิบขึ้นไปสูงสุดที่ 4,330 ริงกิต/ตัน ในช่วงเดือน มี.ค.และปรับลงมาต่ำสุดที่ 1,390 ริงกิต/ตันในเดือน ต.ค.และลงมาราว 1,500 ริงกิต/ตันเมื่อสิ้นปี พอมาถึงปี 52 ราคาเริ่มต้นที่ 1,800 ริงกิต/ตัน และขณะนี้ (พ.ค.)ราคาขึ้นมาที่ระดับ 2,800-2,900 ริงกิต/ตัน
*เล็งหาที่ผืนใหญ่ทางใต้ขยายพื้นที่เพาะปลูก ใช้ทุนอย่างต่ำ 300 ลบ.
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมหาซื้อที่ดินใช้ในการขยายการเพาะปลูกปาล์ม โดยบริษัทต้องการที่ดินอย่างน้อย 5 พันไร่ ซึ่งขณะนี้ดูพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศแถบชุมพร สุราษฎร์ กระบี่ ตรัง พังงา นครศรีธรรมราช คาดว่าจะต้องใช้เงินอย่างน้อย 300 ล้านบาท มาจากทุนหมุนเวียนของบริษัทที่ปัจจุบันมีเงินทุนอยู่ 100-200 ล้านบาทและไม่มีหนี้สิน จึงไม่มีปัญหาในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม
"ผมให้คนไปดูมา 3 ปีแล้ว คิดว่าปีนี้ก็คงจะยังไม่ได้ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาราคาปาล์มดีมาก บางพื้นที่สูงเกินเหตุ" นายสมชัย กล่าว
ปัจจุบัน UPOIC มีพื้นที่เพาะปลูกปาล์มราว 4.5 หมื่นไร่ ที่กระบี่และสุราษฎร์ธานี มีผลผลิตสูงราว 3.5 ตัน/ไร่/ปี
นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มโครงการเพาะเมล็ดพันธุ์ปาล์ม โดยบริษัทได้จัดตั้งกิจการร่วมค้ากับหน่วยงานงานวิจัยและพัฒนาทางด้านเกษตรกรประเทศฝรั่งเศส โดยสัดส่วนลงทุนฝ่ายละครึ่งหนึ่ง ซึ่ง UPOIC ลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เป็นการทยอยลงทุน คาดว่าจะเริ่มผลิตและขายได้จริงในปี 57
เมล็ดพันธุ์ปาล์มดังกล่าวเป็นพันธุ์ CIRAD จากฝรั่งเศส ใช้เวลาปลูกราว 26 เดือนก็จะได้ผลผลิต และให้ผลผลิตต่อไร่ดี หรือ 3.8 ตัน/ไร่/ปี โดยระหว่างนี้บริษัทสั่งนำเข้ามาขายให้กับเกษตรกรทั้งในรูปเมล็ดพันธุ์และต้นกล้า
"เราขายให้กับเกษตรกรรอบๆโรงงานของเราก่อน เพราะยังมีน้อย แต่ตอนนี้เรากำลังเพาะเมล็ดพ่อแม่พันธุ์ อยากให้เกษตรกรได้ผลผลิตดีกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ทำได้เฉลี่ย 2.5 ตัน/ปี ถ้าเขาได้พันธุ์ไม่ดี ก็จนกันไปถึงรุ่นหลาน เพราะอายุต้นปาล์มถึง 30 ปี"นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ บมจ.ล่ำสูง(ประเทศไทย) หรือ LST ถือหุ้นใน UPOIC สัดส่วน 69.96%