ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกต้นทุนกู้ยืมสูงกระทบเอกชน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 173.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 28, 2009 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับการแสดงความคิดเห็นของมาร์ค ฟาร์เบอร์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 173.47 จุด หรือ 2.05% แตะที่ 8,300.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 17.27 จุด หรือ 1.90% แตะที่ 893.06 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 19.35 จุด หรือ 1.11% แตะที่ 1,731.08 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.33 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 7 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.17 พันล้านหุ้น

แฮงค์ เฮอร์มานน์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Waddell & Reed กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภท 10 ปีที่พ่งขึ้นแตะระดับ 3.75% จากวันอังคารที่ระดับ 3.55% ทำให้นักลทุนวิตกกังวลว่าจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและภาคเอกชน อีกทั้งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงอีก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับคำเตือนของมาร์ค ฟาร์เบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเป็นผู้ตีพิมพ์นิตยสารการลงทุน Gloom, Boom and Doom Report ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง หรือ hyperinflation เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ฟาเบอร์ยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจโลกจะยังไม่กลับมาเฟื่องฟูเหมือนในปีพ.ศ.2549 และ 2550 แม้เศรษฐกิจสหรัฐดีดตัวขึ้นจากภาวะถดถอยมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ตาม ส่วนตลาดหุ้นในสหรัฐคาดว่าจะไม่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดระดับใหม่ เพราะยังมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาอีกมาก และกล่าวว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ "overbought" หรือมีแรงซื้อมากเกินไป"

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.9% แตะระดับ 4.68 ล้านยูนิต จากเดือนมี.ค.ที่ 4.55 ล้านยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.66 ล้านยูนิต

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ปิดร่วง 20.1% หลังจากจีเอ็มเปิดเผยว่าจำนวนผู้ถือตราสารหนี้ของบริษัทมีไม่มากพอตามข้อกำหนดในการสว็อปตราสารหนี้เป็นหุ้นสามัญ ซึ่งบ่งชี้ว่าจีเอ็มมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายมากขึ้น

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนักหลังจากบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) ระบุว่าสถาบันการเงินที่ประสบปัญหามีจำนวนมากขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีในไตรมาสแรก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ