ตลาดหุ้นในเอเชียร่วงลงเช้าวันนี้ หลังจากที่หุ้นกลุ่มแบงค์และบริษัทเหมืองตกลง หลังจากที่ธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ได้ขายหุ้น ขณะที่ราคาโลหะปรับตัวลง ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและผู้บริโภค นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับการแสดงความคิดเห็นของมาร์ค ฟาร์เบอร์ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,353.33 จุด ลดลง 85.44 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,355.89 จุด ลดลง 6.13 จุด ส่วนดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,269.65 ลบ 36.43 จุด
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ร่วง 0.7% แตะ 100.06 จุด เมื่อเวลา 10.49 น. ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุด
หุ้นเอเอ็นแซท แบงกิ้ง อ่อนตัว 1.9% หลังจากที่ได้ขายหุ้นในราคาถูก ส่วนหุ้นโนมูระ โฮลดิ้งส์ อ่อนตัว 1.3% หลังจากที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือ ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 2% ทั้งนี้ หุ้นอื่นๆก็ตกลงเช่นกันหลังจากที่ผลตอบแทนพันธบัตรที่ทะยานขึ้นทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาคครัวเรือนและธุรกิจจะมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น
เบน พ็อตเตอร์ นักวิเคราะห์ของไอจี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตลาดทั่วโลกยังคงวิตกกังวลว่า ต้นทุนในการกู้ยืมที่สูงขึ้นกำลังขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นักลงทุนเองก็ห่วงว่า การดำเนินการเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะไม่สามารถดึงต้นทุนต่างๆลงมาได้