HTECH คาด Q2/52ยอดขายโต 10-15%หลังคำสั่งซื้อฟื้น/มองโอกาสร่วมทุนบ.อื่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 28, 2009 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี(HTECH)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" โดยคาดว่า ไตรมาส 2/52 ยอดขายของบริษัทจะเติบโตประมาณ 10-15% หลังจากไตรมาส 1/52 ยอดขายลดลงไปถึง 50% เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าเริ่มกลับเข้ามา โดยเฉพาะหลังสงกรานต์(เมษายน) ทั้งจากลูกค้าเก่าและลูกค้าต่างประเทศ

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักในกลุ่ม HARD DISK DRIVE(HDD)ที่บางรายสต็อคเก่าหมดลงจากการที่ชะลอลงทุนไปตั้งแต่เกิดอาการช็อคช่วงสนามบินปิดเดือนธ.ค.51 ขณะเดียวกันในธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์แม้ภาพโดยรวมจะชะลอลง แต่บริษัทก็ยังมีออเดอร์บางประเภทเข้ามา เช่น Air-Compressor เบรค ล้อแม็ก ซึ่งบางรายเป็นลูกค้ารายใหม่ในประเทศที่ผลิตเพื่อส่งออก

การเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อในระยะนี้ ส่งผลให้บริษัทมีการเพิ่มชั่วโมงการทำงานจากระดับ 40-50% ในไตรมาส 1/52 เป็น 70-80% ในเดือนพ.ค.52 ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)ในปีนี้ปรับตัวสูงกว่า 25%

"ผมว่าตอนนี้ออเดอร์เริ่มมาจริงแล้ว จากที่หยุดชะงักไปตั้งแต่ตอนปิดสนามบินเดือน ธ.ค.เงียบไปหมดไม่มีใครกล้าที่จะลงทุนลดการผลิตแทบจะทุกราย ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาทุกคนได้รับผลกระทบทั้งนั้นเราเองก็เสียเวลาไป 4 เดือนได้ และในแง่ Net Profit Margin ปีนี้ก็น่าจะดีขึ้นมากกว่า 25% เพราะการเดินกำลังการผลิตเรามากขึ้นจากไตรมาส 1 ที่เดินกำลังการผลิตน้อยทำให้เรามี Cost เพิ่ม"นายพีท กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 2/52 บริษัทจะออกสินค้าใหม่ 2 ประเภท คือ carbide cutting tools เครื่องมือตัดเฉือนโลหะ และ PCD drill สว่านปลายเพชรสังเคราะห์ เป็นสินค้าใหม่ที่ไม่มีคู่แข่ง คาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับสูง เพราะมีประสิทธิภาพสูงและยังเข้ากับลูกค้าได้หลายอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3/52-ไตรมาส 4/52 ให้เติบโตได้ที่ 10-15% อีกทั้งยังประคองการเติบโตของยอดขายทั้งปี 52 ให้ใกล้เคียงกับปี 51 ที่มียอดขายประมาณ 280 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากการเพิ่มสินค้าใหม่ทำให้บริษัทต้องมีการลงทุนในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มจำนวน 2 เครื่องมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 60-65 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเงินที่มาจากกระแสเงินสดที่ปัจุบันจะมีอยู่ประมาณ 200-300 ล้านบาท

นายพีท กล่าวต่อว่า จากปัญหาวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดในสหรัฐอเมริกา ทำให้ยอดการสั่งซื้อลดลง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD)และชิ้นส่วนยานยนต์ ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศส่งผลให้มีผู้ประกอบการบางรายประสบปัญหาโดยเฉพาะในแง่ cash flow ทำให้ถึงขั้นต้องปิดกิจการ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมองหาโอกาสที่จะเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทเหล่านี้ ซึ่งขณะนี้มองอยู่ประมาณ 2-3 ราย โดยให้ความสนใจในแง่ของจำนวนลูกค้า แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องการร่วมทุนคงไปเห็นในปี 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ