นายธีระชัย ลีนะบรรจง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์(TGPRO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมออกสินค้าใหม่เป็นท่อที่ใช้ในกระบวนการผลิตเชื้อเพลิงด้านพลังงานในช่วงไตรมาส 3/52 ซึ่งจะสามารถประเมินยอดขายในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ที่มองว่าภาพน่าจะชัดเจนขึ้น
บริษัทมีแผนจะกระจายสินค้าใหม่ดังกล่าวในงาน Wire & Tube Southeast Asia ซึ่งเป็นการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา ในเดือนต.ค.นี้ และก็คงวางตลาดช่วงนั้น
การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/52 ไม่น่าจะออกมาแย่เหมือนกับไตรมาส 1/52 ที่ขาดทุน 37.63 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทเผชิญกับปัญหาความแตกต่างในด้านราคาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงในช่วงปลายปี 51 แต่ราคากลับปรับตัวลดลงในข่วงที่ผลิตออกจำหน่ายในต้นปี 52
"ในไตรมาส 2/52 หากในเชิงของรอบราคาวัตถุดิบมีต้นทุนเข้าที่แล้ว บริษัทก็คงไม่ขาดทุนมากเหมือนกับรอบที่เราต้องใช้ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงและมา book ขายในราคาตลาดที่ต่ำกว่าต้นทุน"นายธีระชัย กล่าว
บริษัทยังคาดว่ายอดขายน่าจะฟื้นในไตรมาส 4/52 แม้ว่าคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ทั้งปีคงไม่เท่าปีก่อน แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดี โดยขณะนี้ออร์เดอร์ในประเทศยังได้รับการสนับสนุนในเกณฑ์ที่ดี ออร์เดอร์บางรายการยังเพิ่มขึ้น เช่น สินค้าอุตสาหกรรม แม้อาจจะไม่ได้หวือหวา ขณะที่สินค้าประเภทตกแต่งก็มีออร์เดอร์เข้ามามากขึ้น และคาดว่าออร์เดอร์ในปี 53 ก็จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
"ออร์เดอร์ปีนี้ไม่เยอะกว่าปีที่แล้ว ในทางปฏิบัติลดลงจากปีที่แล้วแน่ แต่คาดว่าจะไปฟื้นในไตรมาส 4 เพราะไตรมาส 3 ยังไม่ชัด และปีหน้า(53)ก็เชื่อมั่นว่าจะดีขึ้น ถ้าภายในเดินไปได้ในเชิงของความคงที่ของการบริหารจัดการนโยบายของรัฐบาล" นายธีระชัย กล่าว
บริษัทยังมองหาโอกาสที่ขยายตลาดต่างประเทศด้วยการหาตลาดใหม่ ๆ เข้ามาเสริมหลายตลาด โดยขณะนี้มีการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10 ประเทศแล้ว ปัจจุบัน สัดส่วนลูกค้าในประเทศอยู่ที่ 60% และต่างประเทศ 40%
ปัจจุบันนี้ตลาดในประเทศลูกค้าตอบรับค่อนข้างดี จึงต้องรีบผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าได้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ลูกค้าบางรายสั่งซื้อบางผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น เช่น สินค้าทางด้านงานตกแต่ง เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีมานี้ ทำให้เข้าถึงช่วงเวลาที่ต้องตกแต่งภายในขั้นสุดท้ายก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า ในระยะนี้เป็นช่วงที่ลูกค้าสั่งซื้ออุปกรณ์ประเภทสสแตนเลสเข้ามาเพื่อไปตกแต่งในตัวอาคารหรือโครงการต่าง ๆ
ประกอบกับ ผู้บริโภคทั่วไปก็หันมาใช้สแตนเลสเกรดที่ได้คุณภาพมากขึ้น เพราะช่วงนี้ราคาสแตนเลสเกรดคุณภาพสูงค่อนข้างลงมามากแล้ว ทำให้คนกันมาเลือกซื้อที่คุณภาพดี จึงมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้สแตนเลสปลอมหรือสแตนเลสเกรดต่ำมาใช้สแตนเลสเกรดมาตรฐานสูงที่บริษํทผลิตอยู่
*ขอดูภาพรวมใน H2/52 ก่อนประเมินรายได้รวมทั้งปี-ยังต้องลุ้นกำไร
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า บริษัทขอรอประเมินภาพชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังก่อนจะมีการคาดการณ์รายได้ในปีนี้ว่าจะเติบโตได้จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,900 ล้านบาทหรือไม่อย่างไร โดยเฉพาะในไตรมาส 4/52
ผลประกอบการของบริษัทขึ้นกับราคาสแตนเลสที่ช่วงนี้ราคาน่าจะดีขึ้นแล้ว เพราะช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นมาจากราคาร่วงลงต่ำที่สุดเมื่อปลายปีที่แล้วถึง ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อถึงเดือน ก.พ.ราคาสแตนเลสก็เริ่มนิ่งๆ และแกว่งตัว ขณะที่ เม.ย.-พ.ค.ราคาก็ขยับขึ้นมาค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้หวือหวาแต่ขึ้นมาพอสมควร
อย่างเช่น วัตถุดิบหลัก เช่น สแตนเลสรีดเย็นปรับขึ้นมาจาก 1,800-1,900 เหรียญฯ/ตัน ช่วงต้นปี 52 มาอยู่ที่ 2,300-2,400 เหรียญฯ/ตัน แต่สแตนเลสรีดร้อนจากต้นปี 1,700-1,800 เหรียญฯ/ตัน มาที่ 2,000 เหรียญฯเศษๆ/ตัน ถือว่าปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ส่วนราคาขายเราก็ต้องขยับขึ้นตามให้สอดคล้องกันกับต้นทุนวัตถุดิบ
"ยอดขายไตรมาส 4 น่าจะสูงที่สุด เพราะหลายๆอย่างจะคลี่คลายน่าจะเป็นไตรมาสที่ยอดขายดี่ที่สุด"นายธีระชัย กล่าว
ส่วนปีนี้จะพลิกเป็นกำไรได้หรือไม่ ต้องรอภาพชัดเจนในไตรมาส 4/52 ส่วนครึ่งปีแรกก็คงยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะไตรมาส 2/52 คงไม่ได้มีอะไรเป็นจุดเปลี่ยน ส่วนการปิดโรงงานชั่วคราวเมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้กระทบกับกำไรมากนัก เพราะปิดแค่ 3-4 วันทำการเท่านั้น
*ยังเดินหน้าเจรจาพาร์ทเนอร์-ปรับโครงสร้างหนี้
นายธีระชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากต่างประเทศ แต่ระยะนี้คงมีหลายๆ ประเด็นที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบโดยจะเป็นไปตามสภาพตลาด อย่างปลายปีที่แล้วบ้านเราก็วุ่นวายทำให้พันธมิตรไม่กล้าเข้ามา และช่วงต้นปีนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย ทำให้ทุกอย่างต้องชะลอไปก่อน แต่ก็ยังมีการเจรจาอยู่เป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องพันธมิตรไม่น่าจะกระทบแผนงานของบริษัท เพราะที่สำคัญลูกค้ายังให้การสนับสนุนอยู่ โดยยอดคำสั่งยังเข้ามา บริษัทก็พยายามหมุนเวียนเรื่องการบริหารจัดการการเงิน โดยพยายามให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้ เพราะเราต้องสั่งวัตถุดิบเข้ามามากและมาขายลูกค้า
"ลูกค้าในประเทศก็เครดิตเยอะรอบก็นาน ถึงไม่ลงตัวเราก็ต้องพยายามเข็นไปให้ได้ ทำเท่าที่จะทำได้พอลูกค้าสั่งมา กว่าจะส่งมอบล่าช้าลูกค้าบางคนรอไม่ไหวเราอาจจะต้องเสียออร์เดอร์ไปบ้างก็จำเป็น แต่ลูกค้าบางรายก็ยอมรอ" นายธีระชัย กล่าว
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างหนี้คงต้องขอเวลาระยะหนึ่งก่อน