ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างคึกคัก หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเหนือระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้กลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) มีมติคงโควต้าการผลิต นอกจากนี้ การปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องต้นทุนการกู้ยืมสำหรับภาคเอกชนในสหรัฐด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 103.78 จุด หรือ 1.25% แตะที่ 8,403.80 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 13.77 จุด หรือ 1.54% แตะที่ 906.83 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 20.71 จุด หรือ 1.20% แตะที่ 1,751.79 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.37 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.24 พันล้านหุ้น
เดวิด จอย หัวหน้านักวิเคราะห์จาก RiverSource Investments กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 3.64% ซึ่งลดลง 0.10% หลังการประมูลพันธบัตรใหม่อายุ 7 ปี วงเงิน 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างหนาแน่น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเหนือระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล แม้กลุ่มโอเปคมีมติคงโควต้าการผลิตในการประชุมวานนี้ก็ตาม
กลุ่มโอเปคตัดสินใจคงระดับการผลิตในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวานนี้ เนื่องจากเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันเพดานการผลิตน้ำมันของโอเปคอยู่ที่ 24.84 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากชาติสมาชิก 12 ประเทศตัดสินใจลดเพดานการผลิตลง 4.2 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อปีที่แล้ว เพื่อสกัดกั้นราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก
การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น รวมถึงหุ้น เอ็กซอน โมบิล คอร์ป โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดเหนือระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคักเมื่อสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกร่วงลง 13,000 ราย สู่ระดับ 623,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 พ.ค. จาก 636,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลง สัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นมากเกินคาด 1.9% ในเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 16 เดือน หลังจากลดลง 2.1% ในเดือนมี.ค. และยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.3% แตะระดับ 352,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. จาก 351,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (NABE) ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มขยายตัวในปีหน้า เมื่อเทียบกับผลการสำรวจเมื่อเดือนก.พ.ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงและอัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่สองของปีนี้และสูงขึ้นไปจนถึงปีหน้า