ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 พ.ค.) หลังจากที่เคลื่อนตัวอย่างผันผวนทั้งในแดนบวกและแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข่าวการเปิดเผยตัวเลขข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐไตรมาส 1 ที่หดตัวลง 5.7% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่คาดว่า จะหดตัว 6.1% สวนทางกับตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตและธุรกิจที่หดตัวลงในแถบมิดเวสท์ แต่ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าการคาดการณ์ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันตลาด NYMEX ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 96.53 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 8,500.33 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 12.31 จุด หรือ 1.36% แตะที่ 919.14 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 22.54 จุด หรือ 1.29% แตะที่ 1,774.33 จุด
ปีเตอร์ คาร์ดิลโล หัวหน้านักเศรษฐศาตร์ของเอวาลอน พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า เมื่อพิจารณาทางเทคนิคแล้ว ตลาดโดยรวมเคลื่อนไหวด้วยดี แม้ว่าผมจะมองว่าในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหนาตลาดคงจะเคลื่อนตัวในช่วงแคบๆ
ทั้งนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง โดยเมื่อวานนี้ เงินดอลลาร์ร่วงหนักสุดเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าผลพวงดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดเงิน แต่นักวิเคราะห์อีกส่วนมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้หุ้นเชฟรอน บวก 1.3% แตะ 66.67 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นโคโนโค ฟิลลิปส์ บวก 0.5% แตะ 45.84 ดอลลาร์ และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ขยับขึ้น 0.2% แตะ 69.35 จุด
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ร่วง 33% หลังจากที่มีแนวโน้มว่า บริษัทอาจจะต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย