นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์ของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ หลังจากมีข่าวว่าจีเอ็มจะยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ และจะขายสินทรัพย์เกือบทั้งหมดให้กับบริษัทแห่งใหม่
เชลเลี ลอมบาร์ด นักวิเคราะห์จาก Gimme Credit LLC กล่าวว่า "จีเอ็มครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกยาวนานถึง 77 ปี แต่ต้องมาเสียตำแหน่งดังกล่าวในปีพ.ศ.2551 "การล้มละลายของจีเอ็มจะเป็นการล้มละลายครั้งใหญ่เป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สหรัฐ รองจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และเวิลด์คอม อิงค์"
ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ระบุว่า ในการปรับโครงสร้างของจีเอ็มนั้น การล้มละลายเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยผ่านกระบวนการที่ลูกหนี้คือ จีเอ็มและเจ้าหนี้คือรัฐบาลสหรัฐทำข้อตกลงและจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการร่วมกัน (Prepackaged Bankruptcy) ซึ่งทางเลือกนี้จะช่วยให้จีเอ็มกลับมาเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีความสามารถในการแข่งขันได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.89% ปิดที่ 66.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาสแรกที่หดตัวลง 5.7% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่คาดว่าจะหดตัว 6.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. ส่วนวันอังคาร สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)
วันพุธ ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนเม.ย. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน
วันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. สำนักข่าวเอพีรายงาน