บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ(BAFS) คาดปี 52 รายได้ลดลง 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ค่าบริการ 1.43 พันล้านบาท และกำไรสุทธิอาจลดลงมากกว่า 5% เนื่องจากคาดการณ์ว่าปริมาณการเติมน้ำมันลดลง 6% จากเดิมคาดว่าลดลง 2% อีกทั้งบริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ได้มาก
"บริษัทคาดการณ์ว่าประมาณการเติมน้ำมันติดลบ 6% จากเดิมคาดว่าจะติดลบ 2% สาเหตุจากความวุ่นวายทางการเมืองตอน สงกรานต์ และการระบาดของไขัหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินทั่วโลก และทำให้ส่งผลต่อเนื่องมายังธุรกิจเติมน้ำมัน" ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดหวังในครึ่งปีหลังธุรกิจจะฟื้นตัว เนื่องจากธุรกิจการบินจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อาจจะเบาบางลงแล้ว
ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน จำนวน 4.3 พันล้านลิตร
ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้ ม.ร.ว.ศุภดิส คาดว่า จะลดลงมากว่ารายได้ เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และไม่สามารถควบคุมให้ลดลงเทียบเท่ากับประมาณการรายได้ที่ลดลงไป
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าธุรกิจการบินจะดีขึ้น โดยเฉพาะการบินไทยจากตารางการบินล่าสุดจะเพิ่มเที่ยวบินไปโยฮันเนสเบิร์กและอะบูดาบี รวมทั้งแผนการขายเครื่องบินแอร์บัส A340-500 จำนวน 4 ลำ และ A340-600 จำนวน 2 ลำ รวม 6 ลำ ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดภายใน ต.ค.นี้ ดังนั้น จึงคาดว่าการบินไทยจะนำเครื่องบินจำนวนดังกล่าวกลับมาทำการบิน ซึ่งจะเพิ่มเที่ยวบินและจะช่วยเพิ่มปริมาณการเติมน้ำมันสูงขึ้น
ประกอบกับ สถานการณ์ปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และหากการเมืองในประเทศนิ่ง เชื่อว่าไตรมาส 4/52 จะเป็นไตรมาสที่ดีมากในธุรกิจการเบินและธุรกิจเติมน้ำมันอากาศยาน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 52 ผลประกอบการจะลดลงจากประมาณการเดิม ม.ร.ว.ศุภดิส กล่าวว่า บริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้สองครั้งต่อปีเช่นเดียวกับปีก่อน ยกเว้นสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ โดยบริษัทได้ประมาณการกรณีที่เลวร้ายว่าปริมาณการเติมน้ำมันจะติดลบ 13% บริษัทก็จะไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาล และหากปริมาณการเติมน้ำมันติดลบถึง 23% บริษัทจะไม่มีการจ่ายเงินปันผลเลยในปีนี้