นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทยอยซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 ทำเล ย่านบางแค, ย่านรามคำแหง, และย่านพงษ์เพชร ซึ่งทำเลเหล่านี้ LPN มีโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว
การซื้อที่ดินดังกล่าว บริษัทสามารถขยายวงเงินซื้อที่ดินจากปัจจุบันที่บริษัทเหลือวงเงิน 800 ล้านบาท จากงบที่ดินทั้งปี 52 จำนวน 1.5 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินเข็งแกร่ง โดย ณ ไตรมาส 1 ปี 52 บริษัทมีเงินสด 2 พันล้านบาท
ทั้งนี้ จากความต้องการที่ยังมีต่อเนื่องทำให้บริษัทเร่งระบายสต็อคที่มีประมาณ 400 ล้านบาทให้หมดในปีนี้ เพื่อการเพิ่มยอดรับรู้รายได้ในปี 53 ที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9.2-9.5 พันล้านบาท จาก 8 พันล้านบาทในปี 52
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่รอรับรู้รายได้ในปี 53 แล้ว ประมาณ 9 พันล้านบาท จาก 7 โครงการ ส่วนโครงการลุมพินี คอนโด ทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์ ที่มีมูลค่า 2.2 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 โครงการที่ LPN ได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุถกและการซื้อที่ดิน ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งโครงการดังกล่าวในเดือน ต.ค.นี้ หลังจากเปิดขายในเดือน มิ.ย.52 ระดับราคา 6.9 แสนบาท โดยโครงการดังกล่าวเป็นสินค้าใหม่ที่ บริษัทได้มีการปรับพื้นที่ให้มีขนาดเล็กลงเหลือ 25 ตารางเมตร จากปกติ 30 ตารางเมตร ซึ่งจะช่วยให้ราคาถูกลงและขายได้เร็วขึ้น
นายโอภาส กล่าวต่อว่า เชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 52 ทั้งยอดขายและยอดรับรู้รายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ผ่านมาและคาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายมากกว่าครึ่งปีแรกที่คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 4 พันล้านบาท เนื่องจากเตรียมเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง จำนวน 3-4 โครงการจากทั้งหมด 6 โครงการที่จะเปิดในปีนี้ โดย 2 โครงการได้มีการเปิดตัวไปแล้ว
"การปรับกลยุทธ์ของเราถือเป็นการยืนถูกจุดจากช่วงกลางปีที่เราถอย เพราะเห็นสภาพไม่ดี แต่ตอนนี้เรามั่นใจด้วยจากคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้น ส่วนที่คาดการณ์กันว่าตลาดคอนโดฯจะไม่รุ่งในปีนี้ แต่ผมว่ามันยังไปได้ และด้วยภายใต้ราคาที่สมเหตุสมผลและชื่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้สินค้าของ LPN ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำยอดรับรู้ตามที่ตั้งไว้ ส่วนจะพัฒนาโครงการรูปแบบอื่น ก็มีแนวคิด แต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้"นายโอภาส กล่าว