ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมถึงข้อมูลภาคการผลิต ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง นอกจากนี้ การยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ได้ช่วยขจัดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของจีเอ็ม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 221.11 จุด หรือ 2.60% แตะที่ 8,721.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 23.73 จุด หรือ 2.58% แตะที่ 942.87 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 54.35 จุด หรือ 3.06% แตะ 1,828.68 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.50 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.61 พันล้านหุ้น
คิม คอจฮีย์ นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จาก Fort Pitt Capital Group ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างประจำเดือนเม.ย.ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตชะลอตัวลงในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่จีเอ็มได้ยื่นขอพิทักษ์จากการล้มละลายต่อศาลล้มละลายเมื่อวานนี้ พร้อมกับเผยแผนจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อกลับมารุกธุรกิจยานยนต์ในตลาดโลกอีกครั้ง ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ กล่าวว่าจีเอ็มละไครสเลอร์จะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง
รายงานระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐจะจัดหางบประมาณ 3.01 หมื่นล้านดอลลาร์มาลงทุนในจีเอ็มเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่บริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการล้มละลายตามมาตรา 11 จากเดิมที่รัฐบาลเคยให้ไปแล้ว 2 หมื่นล้านดอลลาร์
"ข่าวการยื่นล้มละลายของจีเอ็มช่วยขจัดความไม่นอนเกี่ยวกับชะตากรรมในอนาคตของจีเอ็ม นักลงทุนส่วนใหญ่โล่งใจและมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ความไม่แน่นอนของจีเอ็มได้ก่อให้เกิดความกังวลมากมาย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาดูว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอย่างไรต่อการกำกับดูแลจีเอ็มและไครสเลอร์ เพราะหลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลอาจออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อจีเอ็มและไครสเลอร์ ซึ่งจะทำให้บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลนั้น เสียประโยชน์" คอจฮีย์กล่าว
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐระบุว่า หุ้นจีเอ็มจะถูกถอดออกจากดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์และจะถูกแทนที่ด้วยหุ้นซิสโก ซิสเทมส์ อิงค์ ขณะที่หุ้นซิต้กรุ๊ปจะถูกถอดออกจากดัชนีดาวโจนส์ด้วยและจะถูกแทนที่ด้วยหุ้นทราเวลเลอร์ส คอส อิงค์ นอกจากนี้ หุ้นจีเอ็มจะถูกถอดออกจากดัชนี S&P 500 หลังปิดตลาดวันอังคารที่ 2 มิ.ย. และจะถูกแทนที่ด้วยหุ้นเดฟรี อิงค์