ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐานในตลาดโลกทะยานขึ้นต่อเนื่อง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 88.25 จุด แตะที่ 4,506.19 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.เป็นต้นมาก โดยในระหว่างวันดัชนีเคลื่อนตัวในช่วง 4,417.94-4,517.60 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.
ขณะที่ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต หดตัวลงในเดือนพ.ค.แต่ในอัตราที่ชะลดลง ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตกำลังเริ่มมีเสถียรภาพและจะช่วยหนุนเศรษฐกิจขึ้นในปีนี้ โดยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 42.8 จุดในเดือนพ.ค.จากเดือนเม.ย.ที่ 40.1 จุด
ฮวน โฮเซ่ ฟิกาเรส์ นักวิเคราะห์จาก Link Securities กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และพลังงานทะยานขึ้น โดยหุ้นริโอ ทินโต บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก พุ่งขึ้น 6.5% หุ้นบีเอชีพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่สุดของโลกปิดบวก 5.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 1.7%
หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ปิดบวก 5.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยว่า บริษัทออราสคอม เทเลคอม โฮลดิ้ง เอสเออี ของซาอุดิอาระเบีย สนใจเข้าซื้อธนาคารในเครือของ RBS ในปากีสถาน ขณะที่หุ้น HSBC ปิดลบ 0.8% หลังจากมีข่าวว่าธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียสั่งอายัดบัญชีของนายมาอัน อัล-ซาเน มหาเศรษฐีชาวซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ HSBC
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้นเหนือระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นบีพีปิดบวก 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดพุ่ง 2.1% และหุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดพุ่ง 2.7%