บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์(THL)ตั้งเป้าจ่ายเงินปันผลให้ได้ในปีนี้หากมีกำไร โดยลุ้นได้คืนเงินค่าภาคหลวงที่จ่ายซ้ำซ้อนไปเข้ามาสมทบรายได้ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเทคโอเวอร์เหมืองในฟิลิปปินส์ และยังมองการลงทุนในต่างประเทศเพิ่ม ขณะที่คาดว่าภายใน 1-2 เดือนสามารถเริ่มในส่วนเหมืองดีบุกได้และจะมีรายได้เข้ามาปลายปีหรือไตรมาส 3/52-ไตรมาส 4/52 พร้อมเจรจานักลงทุนต่างประเทศซื้อ-ร่วมทุนโครงการ"สกาย คลิฟฟ์"
พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการ THL ให้สัมภาษณ์กับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยกเลิกแผนการออกวอร์แรนท์ แต่เปลี่ยนแผนมาจ่ายเงินปันผลหากผลประกอบการปีนี้ออกมามีกำไร
"วอร์แรนท์คงไม่ได้ออกแล้ว แต่เตรียมนำกำไรมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น โดยตั้งใจว่าถ้าปีนี้เรามีกำไรก็จะให้ปันผล เช่น ปีนี้ถ้าเราทำรายได้ได้เกือบ 800-900 ล้านบาท หรือปีนี้ทำได้ 700-800 ล้านบาท ก็กำไรน้อยหน่อย แต่ก็ยังกำไรก็ปันผลได้"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายผลิตทองคำปีนี้ไม่ต่ำกว่า 28,000 ออนซ์ตามสัญญาเงินกู้ที่ทำไว้กับดอยช์แบงก์ที่จะต้องส่งมอบให้ประมาณ 24,000-28,000 ออนซ์ ซึ่งปีที่แล้วบริษัทมีผลผลิตทองคำ 33,000 ออนซ์ โดยหากผลิตเกินกว่าที่ต้องส่งมอบให้ดอยช์แบงก์ก็จะเป็นรายได้และกำไรโดยตรงของบริษัท
บริษัทพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ระดับเดิมเพื่อคงกำไรสุทธิในปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนคือประมาณ 100 ล้านบาท จากยอดรายได้ประมาณ 800-900 ล้านบาท ขณะที่มีขาดทุนสะสมราว 34 ล้านบาท เนื่องจากปี 51 มีกำไร 110 ล้านบาท จากปี 50 ขาดทุน 140 กว่าล้านบาท หากปีนี้มีกำไรตามเป้าหมาย ก็จะทำให้สามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดและจ่ายเงินปันผลได้
"ปีนี้พยายามทำให้มีกำไร จะได้ปันผลซะที" กล่าว
อีกทั้งขณะนี้บริษัทฟ้องศาลปกครองเรียกเงินค่าภาคหลวงทองคำคืนเพราะจ่ายซ้ำซ้อน ซึ่งจะมีเงินเข้ามาอีกก้อนทันทีประมาณ 50 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าจะชนะคดี
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทต่างประเทส?สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการสกาย คลิฟฟ์ ซึ่งเป็นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ THL โดยใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว อาจเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนหรือขายให้ทั้งโครงการ ซึ่งหากเป็นการขายทั้งโครงการก็คาดว่าจะได้กำไรหลายร้อยล้านบาท แต่หากเป็นการเข้ามาลงทุนก็ยังจะได้เงินเพิ่มเข้ามา
"สกายคลิฟฟ์น่าจะเป็นต่างชาติที่สนใจ ทั้งโครงการพื้นที่ 3 ไร่กว่า แต่จะขายทั้งโปรเจกต์ รวมถึงสิ้งที่ลงทุนไปแล้วก็ขายไปทั้งหมด"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
*คาดยอดขาย Q2/52 และ H2 เพิ่มขึ้นหลังเพิ่มเครื่องมือ
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทดสอบ(test run)โรงลอยแร่(floatation plant)ใหม่เพื่อให้สามารถแยกแร่ได้มากขึ้น โดยมีการขยายอุปกรณ์ลอยแร่และสร้างแทงก์ใหม่อีกหลายแทงก์ เพื่อทำการลอยแร่จากซัลไฟด์ที่ขุดได้ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการแยกแร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้มากขึ้นจากไตรมาส 1/52 อีกทั้งไตรมาส 2/52 ไม่ต้องหยุดผลิตชั่วคราว
"ถ้าตอนนี้ floatation plant ทำงานก็จะสามารถผลิตได้ 3,000 ออนซ์/เดือน อย่างไรก็ตาม ต้องมองภาพรวมปกติเดือนละ 2,000 ออนซ์ หรือปีละ 24,000 ออนซ์ เพื่อส่งมอบเจ้าหนี้ แต่ในเดือนต้นๆ อาจจะผลิตได้ 1,000 ออนซ์ แต่เดือนต่อไปก็อาจจะผลิตได้ 3,000 ออนซ์ ก็มาทดแทนเดือนที่ขาดไป"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
*ใกล้สรุปเทคโอเวอร์เหมืองทองคำฟิลิปปินส์-รุกธุรกิจดีบุกในพม่า
กรรมการ THL กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจเหมืองที่ปัจจุบันมีอยู่ในประเทศไทย โดยมองโอกาสที่จะขยายการลงทุนไปถึงอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า ลาว เวียดนาม และอีกหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้น่าจะได้ข้อสรุปการเทคโอเวอร์เหมืองทองคำในประเทศฟิลิปปินส์
ส่วนที่พม่า และ อินโดนีเซีย กำลังจะเข้าไป และก็กำลังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในประเทศอื่น ๆ ด้วย ทั้ง ลาว และเวียดนาม ซึ่งอยู่ในระหว่างเตรียมการณ์ไม่ได้หยุดนิ่ง เพราะขณะนี้ทองคำเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
"พื้นที่ที่ผลิตอยู่ก็ยังมีพื้นที่ที่เราสามารถจะเปิดผลิตได้อีก คิดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ ส่วนที่ไหนจะเห็นเป็นแห่งแรกคงตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่การซื้อขายของกันแบบง่ายๆ การทำงานตรงนี้จะยากกว่าทำงานทั่วๆ ไปอย่างธุรกิจอื่นๆ ที่ซื้อขายก็ง่ายๆ แต่เหมืองทองคำจะยากกว่า"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
เหตุที่บริษัทมุ่งเน้นการมองหาเหมืองในต่างประเทศ เพราะเหมืองในประเทศได้รับความร่วมมือจากรัฐไม่เต็มที่ คือรัฐบาลให้สัมปทานสำรวจ แต่เมื่อสำรวจเสร็จแล้วมาถึงขั้นที่ขอสัมปทานในพื้นที่แปลงนั้นปรากฎว่าติดขัดระเบียบที่ออกตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำหนดให้ต้องทำประชาพิจารณ์เพื่อขอความเห็นชอบจากชุมชน เหมือนกับต้องกลับไปเริ่มใหม่หมด บริษัทจึงมองว่าการทำธุรกิจเหมืองในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ยุ่งยากน้อยกว่าในประเทศ
"เป็นอะไรที่ไม่เหมือนธุรกิจอื่น ตรงนี้เป็นความยากลำบาก แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที้เปิดไปแล้วอย่าง T1-8 ให้ทำ 25 ปี ก็นิ่งแล้ว ตอนนี้ก็ทำไปเรื่อยๆ แต่ปัญหาที่ทำไปก็มีปัญหาอีกคือต้องทำไปตามกฎหมายถ้าทำผิดกติกาที่ควบคุมเรื่องมลภาวะสิ่งแวดล้อมก็ต้องมาปิดเราอีก ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ของเรายืนยันได้ว่าเราทำตามมาตรฐานสากล"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ในการเทคโอเวอร์เหมืองในฟิลิปปินส์ ขณะนี้ยังไม่ได้ตกลงในรายละเอียด แต่บริษัทสามารถเปิดวงเงินสินเชื่อกับธนาคารได้และมีทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นหากตกลงกันได้แล้วก็อาจจะขอเงินกู้จากธนาคารโดยใช้ประทานบัตรก็เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเพราะไม่ใช่เป็นการเปิดเหมืองใหม่ แต่เป็นเหมืองที่มีสัมปทานอยู่แล้ว
"เราเป็นบริษัทเหมืองเก่าแก่ที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเหมืองแร่ ดีบุก หรือ ทองคำ อยู่ใน field ของเรา และถ้าวันนี้เราขยายโรงลอยแร่ ก็จะไปได้แร่ตัวอื่นเพิ่มอีก อาจจะเป็นทองแดง เหล็กเพิ่มอีก ซึ่งตอนนี้ก็มีคนดีลเข้ามาที่จะมาขอซื้อทองแดงกับเหล็ก เราก็จะได้รายได้เข้ามาอีก"พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจเหมืองแร่ดีบุก แนวทางที่เป็นไปได้เร็วที่สุดคือการเข้าไปรับซื้อแร่ดีบุกจากพม่าเข้ามาล้างแร่และจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าอีก 1-2 เดือนก็น่าจะเริ่มได้ โดยขณะนี้จดทะเบียนบริษัทเสร็จแล้ว จากนั้นก็จะมองโอกาสที่จะหาแหล่งผลิตเพิ่มเติมในอนาคต โดยรายได้จากดีบุกคงจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/52 หรือไตรมาส 4/52
"ในพม่าตอนนี้ได้จัดตั้งบริษัทที่พม่าไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลพม่าว่าจะเริ่มดำเนินการได้เมื่อไร ซึ่งพม่าจะเปิดประเทศอีก 1-2 ปี เราก็ไปเตรียมการณ์ ถ้าเข้าไปทำตอนนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องแซงชั่นกับพม่า รัฐบาลพม่าถูกบอยคอต อีก 2 ปีก็จะเปิดประเทศก็จะไม่มีปัญหาแล้ว"
ส่วนธุรกิจขายหินแอนดิไซด์ ยังอยู่ระหว่างรอโครงการรถไฟรางคู่ โดยขณะนี้บริษัทได้เจรจากับผู้ที่เตรียมจะเข้าประมูลโครงการจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ไปบ้างแล้ว
*แนะลงทุนหุ้น THL ระยะยาว อย่าเล่นเก็งกำไร
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า ราคาหุ้น THL ค่อนข้างหวือหวา ขึ้นๆ ลงๆ ตามกระแสราคาทองคำเป็นการเล่นในลักษณะเก็งกำไร ซึ่งอยากจะให้นักลงทุนมองที่ปัจจัยพื้นฐานด้วย โดย ณ ขณะนี้หุ้น THL มีมูลค่าทางบัญชี(BV)ที่ 1.42 บาท ธุรกิจมีความมั่นคงและมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผล จึงควรลงทุนระยะยาวเพื่อรอผลใน 6 เดือน ถึง 1 ปี มากกว่า
"อยากจะบอกว่าหุ้น THL เป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่เก็งกำไรรายวัน ต้องไปดูว่าวันนี้เรามีทรัพย์สิน 2,000 กว่าล้านบาท มีหนี้สิน 1,000 กว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือของผู้ถือหุ้น 1,000 กว่าล้านบาท จดทะเบียน 700 กว่าล้านบาท มีส่วนเกินอีก 200 กว่าล้านบาท และธุรกิจจะเป็นอย่างไรปีนี้ต้องดูภาพรวมทั้งปี จะดูเป็นวันต่อวันไม่ได้สำหรับ THL" พล.อ.กิตติศักดิ์กล่าวทิ้งทาย