บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/52 จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1/52 และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 3/52 ตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม รายได้ทั้งปีนี้ก็คงจะปรับลดลงไปราว 35% จากปีก่อนที่มียอดขาย 5.8 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าลดลงน้อยกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่คาดลดลง 40-45% ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปีนี้ก็จะลดลงมาเหลือ 14-15% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 20%
"ไตรมาส 2 คงไม่ดีไปกว่าไตรมาส 1 คิดว่าคงแย่ที่สุด เพราะเป็นไปตาม season ระยะเวลาผลิตน้อยลง แต่ไตรมาส 3 จะดีขึ้น เพราะผู้ผลิตรถยนต์ตอนนี้เริ่มสต็อกใหม่หลังลดลงไปและเสียโอกาสขายรถ" นายวรพจน์ ฉัตรชัยกุลศิริ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการเงินและบัญชี SAT กล่าว
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/52 บริษัทมีรายได้ 939 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 35% และ 86% ตามลำดับ
นายวรพจน์ กล่าวว่า สาเหตุที่อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ลดลง มาจากการใช้กำลังการผลิตลดลงในปีนี้เหลือ 54% จากปีก่อนมีอัตราการใช้ 86% ทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนคงที่ ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะลดงเหลือ 4% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 11%
อย่างไรก็ดี ในครึ่งหลังปี 52 คาดว่าอุตสาหกรรมโดยรวมจะลดลง 30% จากครึ่งปีแรกลดลงไปประมาณ 40-45% ซึ่งบริษัทจะมีผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ดีขึ้นจากไตรมาส 2/52 หลังมียอดออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เริ่มเข้ามาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน
ส่วนปี 53 คาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตในระดับ 10% ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และจากยอดขายที่ส่งสินค้าให้กับทางคูโบต้า และ คาดว่ากำไรสุทธิในปีหน้าก็จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาในระดับ 60-70% ก็ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าปีนี้ แต่ก็ยังไม่ถึง 20%
"ภาพปีหน้าค่อยๆดีขึ้นตามธุรกิจ อีกอย่างเรามีคูโบต้าเข้ามาช่วยเสริม ก็ทำให้เราฟื้นตัวได้ดีกว่า" นายวรพจน์ กล่าว
ทั้งนี้ รายได้จากคูโบต้าเริ่มเข้ามาในไตรมาส 3 ของปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 4% หรือประมาณ 220 ล้านบาท และยังมียอดผลิตยาวถึงปี 55 ทั่จะรับรู้รายได้เต็มที่ ประมาณ 700-800 ล้านบาท และคาดว่าสัดส่วนของคูโบต้าจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 10-15%
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 4,446 ล้านบาท รับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ ไตรมาส 3 ปี 52 - ปี 60 โดยยอดสั่งผลิตของจีเอ็มในไทย สำหรับการผลิตเพลาข้าง จำนวน 1,190 ล้านบาท สัญญา 7 ปี นั้นได้เลื่อนการผลิตออกไปเป็น ต.ค.54 จากเดิม พ.ค.53 และขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับคำสั่งการผลิต