ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 19.43 จุด ขานรับยอดขายบ้านสหรัฐสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 3, 2009 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลกับข่าวที่ว่าธนาคารรายใหญ่หลายแห่งเร่งระดมทุนเพื่อเตรียมใช้หนี้คืนแก่รัฐบาลสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกในตลาดและทำให้ดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 19.43 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 8,740.87 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 1.87 จุด หรือ 0.20% แตะที่ 944.74 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 8.12 จุด หรือ 0.44% แตะ 1,836.80 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.41 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.42 พันล้านหุ้น

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.7% แตะระดับ 90.3 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 84.6 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดในรอบ 7 ปีครึ่ง และสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพและภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐเริ่มบรรเทาลง

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% เนื่องจากราคาบ้านที่ปรับตัวลดลงในสหรัฐได้ดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น

แซล กูติเยร์ นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets กล่าวว่า จำนวนบ้านหลุดจำนองที่ปรับตัวลดลงทำให้ราคาบ้านอยู่ในระดับที่ดึงดูดใจแก่ผู้ซื้อ อีกทั้งช่วยสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์และพยุงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐจะยังคงถูกกดดันจากอัตราว่างงานที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนพ.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.2% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 9% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 25 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่หดตัวลงทำให้แทบทุกภาคส่วนในสหรัฐลดการจ้างงาน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้ตามเวลาประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งต้องการจ่ายเงินคืนรัฐบาลสหรัฐรวม 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ ตัดสินใจระดมทุน 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (1.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ด้วยการขายหุ้นในอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC)

ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ เตรียมระดมทุน 2.2 พันล้านดอลลาร์ด้วยการขายหุ้นสามัญ ส่วนเจพีมอร์แกนเตรียมขายหุ้นสามัญมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส เตรียมระดมทุนด้วยการขายหุ้น 500 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปิดลบ 4.9% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดร่วง 4.5% หุ้นโกลด์แมน แซคสื ปิดร่วง 1.20 ดอลลาร์ แตะที่ 143.13 ดอลลาร์ แต่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดบวก 20 เซนต์ ปิดที่ 30.09 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ADP Employer Services เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนเม.ย. ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ