บมจ.ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า(SST)ชี้แจงไม่ได้เลิกกิจการคลังสินค้า แค่โอนให้บริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นใหม่มาดูแลแทน เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการบริหารให้คล่องตัว และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายคลังสินค้าที่ระบุให้กรรมการถือหุ้นในกิจการ 20% ขณะที่ปัจจุบันมีกรรมการถือหุ้นใน SST รวมกันเกือบ 50%
นายศุภสิทธิ์ ขะนินทร์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ SST กล่าวถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ชื่อบริษัท เอส เอส ที คลังสินค้า เพื่อประกอบกิจการคลังสินค้ารับอนุญาตทดแทนบริษัทแม่ที่จะยกเลิกการประกอบกิจการ โดย บมจ.ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า เป็นเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บมจ.ทรัพย์ศรีไทยว่า เป็นแค่การปรับโครงสร้างของบริษัทให้คล่องตัวยิ่งขึ้น
"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน ไม่ต้องตกใจ เหมือนกับเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโครงสร้างเพื่อความคล่องตัว ก็แค่ตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาใหม่และเอาใบอนุญาตการประกอบการกิจการคลังสินค้ารับอนุญาตไปไว้ที่บริษัทย่อย ฟังดูน่าตกใจ แต่จริงๆเราไม่ได้เลิก มันผิดพลาดเรื่องลำดับข้อมูลที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ จริงๆ ควรจะเอาเรื่องตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาก่อนแล้วค่อยตามมาด้วยเรื่องเลิกกิจการของบริษัทแม่"นายศุภสิทธิ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
บริษัท เอส เอส ที มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ กิจการเป็นนายหน้า ตัวแทน ตัวแทนค้าต่างในกิจการ และธุรกิจทุกประเภท(เว้นแต่การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนประกันภัย การหาสมาชิกให้สมาคม และการซื้อขายหลักทรัพย์),กิจการกู้ยืมเงิน เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร นิติบุคคล หรือสถาบันการเงินอื่น และให้กู้ยืมเงิน หรือให้เครดิตด้วยวิธีการอื่น โดยจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม
รวมทั้ง การรับ ออก โอนและสลักหลังตั๋วเงิน หรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้เป็นอย่างอื่น เว้นแต่ในธุรกิจธนาคาร ธุรกิจเงินทุน และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์, ธุรกิจบริการรับค้ำประกันหนี้สิน ความรับผิด และการปฏิบัติตามสัญญาของบุคคลอื่น รวมทั้งรับบริการค้ำประกันบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศ หรือเดินทางออกไปต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร และกฎหมายอื่น ฯลฯ
นายศุภสิทธิ์ อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องมีการปรับโครงสร้างว่า เนื่องจากในสมัยก่อนธุรกิจคลังสินค้าถือเป็นสถาบันการเงิน เพราะ Warehouse เราปล่อยใบประทวนได้ คือเอาของมาฝากไว้แล้วก็รับเป็นใบประทวนที่สามารถนำไปกู้เงินได้ เหมือนนำข้าวมาจำนำแล้วรับใบประทวนไปแทน เพื่อให้รู้ว่าผู้จำนำมีสินค้ามาฝากจริง ซึ่งเอาใบประทวนนี้ไปกู้เงินจากแบงก์ได้เป็นกฎหมายคล้าย ๆ แบงก์
"ด้านผู้ถือหุ้นเราก็ทราบกันมานานแล้วว่า ว่าเรามี Structure ที่ไม่สะดวกต่อการบริหารงาน กฎหมายคลังสินค้าค่อนข้างหยุมหยิมด้วย"นายศุภสิทธิ์ กล่าว
นายศุภสิทธิ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานปีนี้ว่า เชื่อว่าธุรกิจยังไปได้ดี เพราะเมื่อพิจารณาผลงานไตรมาส 1/52 ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาที่ 13.62 ล้านบาท จาก 9.9 ล้านบาทในไตรมาส 1/51 เนื่องจากบริษัทมีรายได้ค่าเก็บรักษาสินค้าและค่าเช่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 4.37 ล้านบาท และ 2.08 ล้านบาทตามลำดับ จากการที่ลูกค้าฝากเก็บรักษาสินค้าและขอเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของเราได้ผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารายได้หลักของบริษัทจะยังมาจากธุรกิจคลังเอกสารและคลังสินค้าเช่นเดิม
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ SST ปี 50 มีรายได้รวม 151.60 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30.39 ล้านบาท, ปี 51 รายได้รวม 178.94 ล้านบาท กำไรสุทธิ 45.10 ล้านบาท
ด้านผู้ถือหุ้น SST รายหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า การที่ SST ตัดสินใจทำแบบนี้แล้วบริษัทดีขึ้นอย่างไร การปรับโครงสร้างในลักษณะนี้ต้องการขยายงานไปทางด้านไหน เพราะเชื่อว่าผู้ถือหุ้นก็คงอยากจะทราบว่าทิศทางที่บริษัทกำลังจะไปว่าผู้ถือหุ้นชอบหรือไม่ชอบ เปลี่ยนแปลงแล้วได้อะไร