โบรกฯหนุน"ซื้อ"CPF มองกำไรปีนี้พุ่ง Q2/52 ดีสุดเหตุล็อคราคาวัตถุดิบยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 3, 2009 15:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

5 โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)จากคาดการณ์ว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/52 จนถึงไตรมาส 4/52 ผลกำไรจะดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ทำได้เกินความคาดหมาย ทำให้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 52 เพิ่มขึ้นประมาณ 8-48% มาที่ 3.4-4.6 พันล้านบาท แม้รายได้จะไม่ได้เติบโตมากมายนัก ปัจจัยหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 14-15% จากต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลง และกลยุทธ์ล็อคราคาสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้านานถึงเดือน ส.ค.แต่โบรกเกอร์บางรายระบุบริษัทล็อกราคานานถึงสิ้นปี ประกอบกับราคาขายทั้งเนื้อหมูและเนื้อไก่ทรงตัวสูง

ราคาหุ้น CPF ช่วงเปิดตลาดบ่ายนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 4.18 บาท ลบ 0.02 บาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 4.24 บาท ทั้งนี้ราคาได้ปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 4.40 บาทเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.กรุงศรีอยุธยา      ซื้อ            5.40
          บล.ทิสโก้            ซื้อ            5.00
          บล.สินเอเซีย         ซื้อ            4.72
          บล.กิมเอ็งฯ          ซื้อ            4.70
          บล.ฟิลลิปฯ           ซื้อ            4.52

นายสิทธิแดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า CPF เป็นหุ้น Top picks ของกลุ่มเกษตร เพราะผลประกอบการในไตรมาสที่เหลือจะเร่งตัวขึ้น โดยตั้งแต่เดือน มี.ค.52 รับรู้ต้นทุนใหม่ที่ลดลง 20% จากต้นทุนเดิม จากการล็อกราคาวัตถุดิบไว้นานตั้งแต่ มี.ค.จนถึง ส.ค.52 ขณะที่ราคาขายเนื้อสัตว์ไม่ได้ปรับลงและยังทรงตัวในระดับสูง ทั้งราคาเนื้อหมูและเนื้อไก่ที่ราคารีบาวน์กลับมาใหม่

"ผลประกอบการเขาจะดีเป็นพิเศษด้วย 2 ปัจจัย ก็คือราคาผลิตภัณฑ์ราคาสูง ต้นทุนวัตถุดิบปรับลง ซึ่งลักษณะตลาดอย่างนี้เกิดขึ้นไม่นาน แต่ปีนี้จะนานเป็นพิเศษ ก็แนะนำซื้ออยู่...ของเราให้ราคาไว้ 5.40 บาท ก็ยังมี upside อยู่ แต่คิดว่าราคาปรับลงตามตลาดไม่มาก เพราะผลประกอบการไตรมาส 2 น่าจะดีผิดหูผิดตา"นายสิทธิเดช กล่าว

อย่างไรก็ตาม CPF มักจะสร้างความผิดหวังให้กับนักวิเคราะห์ เพราะปีที่มีผลประกอบการดี บริษัทกลับมีรายจ่ายมาก ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็บอกเป็นรายจ่ายทางวิจัย, ค่าโฆษณา หรือ ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นออกมามากก็ส่งผลต่อกำไรของบริษัท ฉะนั้นก็ไม่อยากจะคาดหวังเหมือนกัน

"แต่ที่เรากลับมามีความหวัง เพราะผู้บริหารได้บอกไว้เมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมาว่า เขาเปลี่ยนกลยุทธ์แล้วจะไม่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จะไม่เน้นขยายการลงทุนแล้ว คือเดิมเขาวางงบลงทุนปีนี้ไว้ 5 พันล้านบาท ตอนหลังตัดเหลือ 3 พันล้านบาท เราก็หวังไว้ว่าจะได้รับรู้ผลประกอบการเต็มๆ และเขาก็พูดเมื่อเดือนที่แล้วว่าต่อไปนี้เขาจะเน้นที่ผลประกอบการมากขึ้น ผมคิดว่านักวิเคราะห์หลายคนรองบไตรมาส 2 เพื่อปรับประมาณการ แต่เราตัดสินใจปรับขึ้นไปก่อน เป็น bullish"นายสิทธิเดช กล่าว

ส่วนเงินปันผลปีนี้ที่ได้มาก โดยประเมินว่าจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 7% สูงกว่าปีที่แล้วที่ 5% ทั้งนี้ จากคาดการณ์ว่าในปี 52 กำไรสุทธิของ CPF จะเติบโต 48% จากปีก่อน เป็น 4,641 ล้านบาท ส่วนยอดขายโต 5% เป็น 1.68 แสนล้านบาท

อนึ่ง ในไตรมาส 1/52 CPF มีกำไรสุทธิ 711 ล้านบาท(+71%YoY และ +153%Q0Q)ดีกว่าที่คาดกว่า 50% เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด โดยทำได้ถึงระดับ 14.7% เป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาสและสูงกว่าคาดการณ์เฉลี่ยทั้งปีที่ 13% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบถูกลง เช่น ราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่เป็นวัตถุดิบหลักได้ปรับตัวลดลงกว่า 9% จากปีก่อน ขณะ เดียวกันราคาเนื้อสัตว์ยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยเฉพาะราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน

ด้านนักวิเคราะห์บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และธุรกิจอาหารได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจน้อยกว่าธุรกิจอื่น ๆ แม้ว่าปีนี้ราคาขายจะไม่ได้เติบโตมากจากปีที่แล้วแต่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง ทำให้ความสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามในปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เพราะคาดว่าราคา commodity น่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็อาจจะทำให้ผลประกอบการในช่วงนั้นอ่อนตัวลงบ้าง

"เราแนะนำ buy เพราะว่าไตรมาส 2 ค่อนข้างถือว่าดีที่สุด ซึ่งดีกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 3 เป็นเรื่องราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งไก่และหมู แม้ว่าราคาวัตถุดิบช่วงนี้ไม่ได้ปรับลงมาก แต่บริษัทได้อานิสงส์มีสต็อกเก่าในราคาที่ถูก จึงได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ต่ำด้วย" นักวิเคราะห์กล่าว

ทั้งนี้ราคาขายเนื้อหมูและไก่ขณะนี้เกินจุดคุ้มทุน โดยราคาหน้าฟาร์ม เนื้อหมูอยู่ที่ กก.ละ 60 บาท และ เนื้อไก่ กก.ละ 39-40 บาท รวมทั้ง ประเด็นที่ทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 2 ดีขึ้น จากธุรกิจในตุรกีเริ่มทำกำไรจากเดิมประสบผลขาดทุน โดยราคาขายในตุรกีฟื้นตัว และในไตรมาส 3/52 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากรัสเซียที่โรงงานสร้างเสร็จแล้ว

โดยรวมคาดว่าปีนี้ CPF มีกำไรเพิ่มขึ้น 8% เป็น 3,379 ล้านบาท ส่วนรายได้มองว่าทรงตัวจากปีก่อน

บทวิเคราะห์ของบล.ทิสโก้ คาดว่า อัตราการเติบโตผลประกอบการและรายได้จะแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/52 เป็นต้นไป เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์และธุรกิจเนื้อสัตว์ส่งออก ส่วนอัตราส่วนกำไรขั้นต้นในไตรมาส 2-ไตรมาส 4 ปี 52 อย่างน้อยน่าจะยู่ที่ 15% หรือสูงกว่านั้น

"มองว่าโดยปกติไตรมาสที่ 2 จะเป็นไตรมาสที่ความต้องการสูง(high season)สำหรับกิจกรรมด้านฟาร์มปศุสัตว์ หนุนการผลิตเนื้อสัตว์ส่งออก รวมทั้งเป็น high season ของธุรกิจสัตว์น้ำ ด้วยการคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น"บทวิเคราะห์ระบุ

ดังนั้น จึงปรับขึ้นประมาณการผลประกอบการปี 52 ขึ้น 24% จากประมาณการเดิมของทิสโก้ โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท อิงจากการปรับสมมติฐานอัตราส่วนกำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ 14.6% จากเดิม 14.1% โดยยังคงประมาณการรายได้จากการขายเดิมอิงจากสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนที่ 34.44 บาท/เหรียญฯ สำหรับปี 52


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ