ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 582.25 เพิ่มขึ้น 7.95 จุด(+1.38%) มูลค่าการซื้อขาย 30,743.92 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 588.15 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 578.44 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 194 หลักทรัพย์ ลดลง 132 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะบวกในกรอบแคบ โดยตลาดบ้านเรามีแรงเหวี่ยงค่อนข้างมาก โดยช่วงเช้าตลาดฯปรับตัวขึ้นแรง ผลจากการเข้ามาเก็งกำไรในประเด็นของพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน ซึ่งก็ได้ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
ส่วนการเทรดในช่วงบ่ายภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้ผ่าน ในกรณีพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน ทำให้เกิดแรงขายในลักษณะ sell on fact ออกมา โดยเฉพาะแรงขายหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังคงปรับตัวขึ้นไปได้จากแรงซื้อที่เข้ามาอย่างหนาแน่น
ที่จริงเรื่องของพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านนี้ มองว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะกู้เงินออกมาได้ โดยคาดว่าเงินน่าจะนำออกมาใช้ได้ในช่วงไตรมาส 4/52
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(4 มิ.ย.)นายรักพงศ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงจะให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศน้อยลงอีก หลังจากจบเรื่องของพ.ร.ก.กู้เงินฯไปแล้ว ซึ่งตลาดฯคงจะหันไปให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯต่อไป พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 588 จุด แนวรับ 574 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TTA มูลค่าการซื้อขาย 2,543.28 ล้านบาท ปิดที่ 24.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,164.28 ล้านบาท ปิดที่ 226.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,112.78 ล้านบาท ปิดที่ 138.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,069.43 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,710.27 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท