ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมและข้อมูลด้านการบริการที่อ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 65.59 จุด หรือ 0.75% แตะที่ 8,675.28 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 12.98 จุด หรือ 1.37% แตะที่ 931.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 10.88 จุด หรือ 0.59% แตะ 1,825.92 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.32 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 8 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.31 พันล้านหุ้น
อลัน เกล หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท RidgeWorth Capital Management กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ดิ่งลงกว่า 2 ดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปิดร่วง 17.8% หุ้นซูโนโค อิงค์ ปิดลบ 7.5% หุ้นเชฟรอนร่วงลง 1.6% และหุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดลบ 1.2% ขณะที่ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงานร่วง 3.3%
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดยังทำให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย โดยยอดสั่งซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ในเดือนเม.ย.ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 0.9% ขณะที่ภาคบริการของสหรัฐหดตัวลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนพ.ค.และภาคเอกชนลดการจ้างงาน 532,000 ตำแหน่งในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 525,500 ตำแหน่ง
"แม้ความเชื่อมั่นและความมีเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิตที่ดีขึ้นเมื่อช่วงที่ผ่านมาทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำหนักสุดในรอบ 50 ปี จะสิ้นสุดลงในปีนี้ แต่อัตราว่างงานที่สูงขึ้นและข้อบังคับด้านการออกเงินกู้ที่เข้มงวดขึ้นจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคซึ่งจะเป็นอุปสรรคกีดขวางการขยายตัว" เกลกล่าว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงาน
ส่วนวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยอัตราว่างงานและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.2% ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 9% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 25 ปี