ทิสโก้ มองรอบนี้ดัชนี SET มีสิทธิแตะ 600-630 แต่เตือน มิ.ย.-ก.ค.อาจลงลึก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 4, 2009 15:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าวว่า การปรับเพิ่มขึ้นขอองดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในรอบนี้น่าจะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 600-630 จุด และมีแนวรับอยู่ที่ 550-570 จุด ซึ่งหากดัชนี SET ลงต่ำกว่า 550 จะถือเป็นสัญญาณที่ทำให้เกิดแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ หากรอบนี้ต่างชาติขายก็คาดว่าจะทำให้ดัชนีลงลึกกว่า 100 จุด และเป็นการปรับฐานลดลงแรงและนาน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย.ถึงกลางเดือน ก.ค. ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังและติดตามการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ

"ถ้าช่วงเวลาที่เหลือหลังรอบนี้ขึ้นมา นักลงทุนต้องเล่นหุ้นสั้น เมื่อกำไรแล้วก็ออก และต้องมีจุด cut loss เพราะไม่อย่างนั้นขายไม่ทันรอบนี้จะลงแรงและนาน"นายวิวัฒน์ กล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้หากนักลงทุนจะเล่นเทรดสั้น ๆ ยังสามารถเลือกเทรดหุ้นบางตัว เช่น PTT, PTTCH, KBANK, BAY, QH, LH, ADVANC, DTAC และ BEC แต่หุ้นที่ห้ามซื้อโดยเด็ดขาด คือ TTA เพราะมองว่าราคาหุ้นได้ขึ้นมาสูงมากแล้ว ขณะที่ดัชนี BDI หลังจากนี้มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

นายวิวัฒน์ มองว่า การเข้ามาลงทุนของต่างชาติรอบนี้มองว่าจะเป็นนำเงินมาลงทุนเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น และเมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ก็จะมีแรงเทขายทำกำไรเพื่อหาส่วนต่างจากค่าเงินด้วย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังควรติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก ซึ่งหากนักลงทุนลงทุนในหุ้นน้ำมันจะสังเกตได้ว่าเมื่อราคาน้ำมันขึ้นทุก 1 เหรียญ/บาร์เรล จะมีผลต่อราคาหุ้น PTT และ PTTEP ประมาณ 2 บาท/หุ้น

สำหรับนักลงทุนที่ขายหุ้นออกมาแล้ว แนะนำให้นำเงินไปลงทุนในทองคำ เพราะปีนี้คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 4/52 ราคาทองน่าจะขึ้นไปยืนเหนือ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ หรือประมาณบาทละ 24,000 บาท ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนของต่างชาติในรอบนี้น่าจะช่วยให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(มาร์เก็ตแคป)ของตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 4.4 ล้านล้านบาท ขณะที่ค่าพี/อีตลาดหุ้นไทยสูงถึง 19.5 เท่า ซึ่งถือว่าแพงแล้ว เมื่อเทียบกับค่าพี/อีดัชนี MSCI ไม่รวมญี่ปุ่น ที่อยู่ในระดับ 19 เท่า จากเดิมที่ค่าพี/อีตลาดหุ้นไทยจะต่ำกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคเฉลี่ยประมาณ 20% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ คาดว่ามูลค่าการซื้อขายต่อวัน มีโอกาสจะได้เห็นสูงกวา 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้เห็นสูงถึง 3 หมื่นล้านบาทไปแล้ว



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ