หุ้น UV ราคาพุ่งพรวดขึ้น 8.92% มาอยู่ที่ 1.71 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 11.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.38 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.64 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.73 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.62 บาท
Fund Survey บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ยูนิ เวนเจอร์(UV)โดยมี 3 เหตุผลหลักที่ชอบ UV คือ ธุรกิจสังกะสีกลับเข้าสู่ขาขึ้น, อนาคตสดใสกำไรก้าวกระโดด และความมั่นคงสูงในระยะยาว และฐานะการเงินแข็งแกร่งเงินสดในมือสูงถึง 734 ลบ. และเป็น Net Cash นอกจากนั้นยังมีศักยภาพในการพัฒนาโปรเจกส์ขนาดใหญ่ที่ยังไม่อยู่ในประมาณการจากเงินสนับสนุนของกลุ่มสิริวัฒนภักดี ทั้งหมดนี้จะทำให้ UV ก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของผู้นำธุรกิจอสังหาในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าโดยใช้ P/BV ที่ 2 เท่า (vs CPN ที่ 2.6 เท่า และ LH 2.3 เท่า) ซึ่งถือว่าเหมาะสม เพราะ Business Model จะเปลี่ยนไปหลังโครงการ Park Venture เสร็จสิ้น ได้เป้าหมายที่ 5.20 บาท Upside 231%
ประเด็นที่เราอยากให้จับตาอยู่ที่ความตื่นเต้นในการขยายตัวของกำไรในปีหน้า จากแรงหนุนของรายได้ทั้ง 2 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจสังกะสีเพิ่มขึ้น 20% YoY เป็น 901 ลบ. และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นถึง 136% YoY เป็น 1,200 ลบ. จากการรับรู้รายได้โครงการดีไลท์ บางซื่อ
คาดการณ์ดังกล่าวเป็นกรณี Worst Cast เพราะปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขอซื้อโครงการคอนโดมีเนียมที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและประสบปัญหาทางการเงินเพิ่มอีกราว 3 โครงการมูลค่า 4.5 พันลบ. ซึ่งในกรณี Base Case คือได้เพิ่ม 1 โครงการจะทำให้กำไรปี 10 พุ่งขึ้นถึง 274% YoY เป็น 261 ลบ. และ Best Case คือได้ 2 โครงการกำไรจะพุ่งขึ้นถึง 4 เท่าเป็น 396 ลบ.
จุดเปลี่ยนโครงสร้างระยะยาวอยู่ที่โครงการ Park Venture ถนนวิทยุ อาคารสำนักงานเกรด A และโรงแรมระดับ 5 ดาวพื้นก่อสร้างรวม 81,400 ตรม. โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน 28,000 ตรม. และโรงแรม 25,000 ตรม. มูลค่ารวมสูงถึง 7.5 พันลบ. ซึ่งจะสร้างเสร็จในปี 2011 โดยจุดแข็งของโครงการคือพื้นที่ในส่วนของโรงแรมถูกเหมาไปแล้วจาก TCC Luxuary ระยะเวลาเช่า 30 ปีมูลค่ารวม 1.36 พันลบ. ดังนั้น หลังโครงการดังกล่าวเริ่มรับรู้รายได้จะทำให้โครงสร้างรายได้ของบริษัทเปลี่ยนไปอย่างมีนัย และมีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่าซึ่งแน่นอนในทุกปี
UV เป็นผู้นำธุรกิจผงสังกะสีออกไซด์อันดับ 1 ของประเทศ มีส่วนแบ่งตลาดถึง 50% จึงได้ประโยชน์เต็มที่จากราคาสังกะสี ที่เข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้งในทิศทางเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก โดยราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 19.3% จาก 1Q09 และ 30% จากสิ้นปี 08 จึงทำให้แนวโน้มธุรกิจสังกะสีเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q09 เป็นต้นไป ทั้งในส่วนของรายได้ และอัตรากำไร
แม้ 1Q09 จะมีผลขาดทุนสุทธิ 25 ล้านบาท แต่นั่นคืออดีตและเป็นจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยธุรกิจสังกะสีคาดว่าจะกลับเข้าสู่จุดคุ้มทุนใน 2Q09 และเร่งตัวขึ้นแรงใน 2H09 นอกจากนั้น ยังรอบันทึกรายได้ก้อนโตจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นรายได้หลักของบริษัทตั้งแต่ปี 10 เป็นต้นไป โดยบริษัทจะรับรู้รายได้โครงการคอนโด ยู สบาย พระราม 4 มูลค่า 450 ลบ.ในปีนี้ และทำให้รายได้จากธุรกิจอสังหาฯ ปี 09 เพิ่มขึ้นสูงถึง 682% YoY เป็น 508 ลบ. และตีกลับให้กำไรปี 09 เพิ่มขึ้น 13% YoY เป็น 69.8 ลบ.